สภาเกียกกาย ยุค "ชวน หลีกภัย" ทำหน้าที่ประมุขฝ่ายนิติบัญญัตินั้น ข้อมูลบันทึกไว้ว่า "16 ครั้ง" ซึ่งสังคมพบเห็นการประชุมสภาผู้แทนฯ ชุดนี้ "ล่ม" แปลว่า " 474 ส.ส.ชุดปัจจุบัน" ทำหน้าที่ได้สมเจตนารมณ์และเคารพกติกาที่วางไว้หรือไม่...
สังคมคิดได้เองว่า...คราวหน้าควรไว้วางใจใครมาทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนชาวไทย
เพราะตอนนี้การเล่นเกมบีบบี้ "สร.1" ให้จนกระดานแบบไม่แคร์ความถูกต้องชอบธรรมและภาษีประชาชนเยี่ยงนี้ของส.ส.นั้น ต้องตำหนิทั้ง "ฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน"
โดยเริ่มต้นที่ "ฝ่ายค้าน" ก่อน ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงความชอบธรรม..ช่วงเวลานี้ฝ่ายค้านเล่นเกมนี้แบบรัวๆ เพราะมันคือหนึ่งในการเจาะรูรั่วเรือเหล็ก ที่สะเทือนภาพลักษณ์หัวหน้ารัฐบาล-พรรคร่วมรัฐบาล เพื่อบีบบี้ให้เสียแต้มในทุกกรณี แต่....."หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล" รับรู้จังหวะนี้ล่วงหน้า และต้องรวมใจเป็นหนึ่งในการกวดขันส.ส.เพื่อรับมือกับฝ่ายค้าน
แต่รู้กันอยู่ว่ายามนี้แต่ละพรรคนั้น ต่าง "วางกับดักค่ายกล" กันไว้กี่ชั้น เพราะตอนนี้คือช่วงก้าวสู่ปีที่ 4 ของ ครม.เรือเหล็ก ร่างกฎหมายฉบับต่างๆที่บางพรรคเสนอไว้ และจะใช้ประโยชน์ในหลากมิติยามนี้และยามหน้านั้น หากเจรจากันไม่ลงตัว ความสามัคคีมิบังเกิดจากพลพรรคบนเรือเหล็กเป็นแน่แท้
ผนวกกับเกมการเมืองบนเรือเหล็กที่ต่อรองหลังบ้านกันแบบ "ช็อตต่อช็อต" เพราะรู้ว่าประมุขฝ่ายบริหาร มีไทม์ไลน์ในเวลาจากนี้ไปอย่างไรบ้าง เนื่องจากสร.ต้องลุ้นร่างกฎหมายหลายฉบับให้ผ่านความเห็นชอบ หนึ่งในนั้น คือ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ผนวกกับศึกซักฟอกยกสุดท้าย ที่จะเข้าสู่การยื่นญัตติได้ตั้งแต่เดือนพ.ค.เป็นต้นไป
สองศึกนี้ "สร.1" จะผ่านมันไปอย่างไร..น่าคิด เพราะเอาเข้าจริงแล้ว ตอนนี้แกนนำรวมทั้งส.ส.แทบทุกมุ้งในทุกพรรคหารือกันเครียดว่า "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" จะกดปุ่ม "ยุบสภา" เมื่อใดกันแน่.... และแต่ละก๊วนควรจะย้ายพรรคกันในช่วงใด และเหตุผลใดจึงจะพออ้างกับชาวบ้านได้แบบไม่อายปาก
รู้กันอยู่ว่า เรือเหล็กตอนนี้รูร้าวมันเยอะแค่ไหน โดยเฉพาะรอยปริจากพรรคพลังประชารัฐ หลังต้องเสีย 21ส.ส. ปีกของ "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" ไปตั้งพรรคเศรษฐกิจไทย (ตัวเลขตอนนี้ คือ 18 ส.ส.) และตอนนี้พรรคใหม่ของร้อยเอกคนดังกำลัง "เนื้อหอม" เพราะหลายพรรคมารุมจีบ
ที่สำคัญเหตุ "สภาล่มถี่ยิบ" ในช่วงเวลานี้ ไปลองไล่เรียงดูจะพบว่า ส.ส.ปีกผู้กองคนดังวาง "บทบาทตัวเอง" ไว้บนมุมที่ทำให้ "องค์ประชุมไม่ครบ" หรือไม่ และแปลความได้เยี่ยงใด รวมทั้งส.ส.มุ้งอื่นๆในพลังประชารัฐ ร่วม"รณรงค์"กับการทำให้องค์ประชุมไม่ครบด้วยหรือไม่
แน่นอนว่าจังหวะการเมืองตอนนี้แทบทุกพรรคจับจ้องมาที่พลังประชารัฐ ซึ่งมีมุ้งต่างๆในตอนนี้ คือ กลุ่มสองมิตร กลุ่มลุงป้อม กลุ่มส.ส.เฮ้ง กลุ่มพลังชล กลุ่มกำแพงเพชร กลุ่มภาคใต้ กลุ่มตี๋กร่าง กลุ่มโคราช ส.ส.อิสระ ที่พร้อมแตะมือทุกกลุ่ม หากเงื่อนไขงามและการเดินจังหวะให้สภาล่มบ่อยๆนี้แหละ
ว่ากันว่าผู้แทนราษฎรบางรายสอบถามใครบางคนเป็นระยะว่า "จังหวะนี้ เอาอย่างไรดีครับนาย" นัยว่า "เพื่อให้คีย์แมนบางพรรค และบางคนในครม.หน้าแหก โดยแลกกับการสะสมกล้วยไว้เป็นเสบียง"
เพราะตอนนี้หลายคนมองว่าสัมพันธภาพค่าย 3 ป.นั้น ใช่ว่าจะดีนัก...เพราะลุงป้อมคุมบางมุ้งในพปชร.และเศรษฐกิจไทย ส่วนบางมุ้งในพปชร.ก็สายตรงไทยคู่ฟ้า และมีพรรคสำรองไว้บ้าง หากจำต้อง"หักดิบ"
แต่บางมุ้งในพปชร.ที่ขึ้นตรงกับสร.1 ใช่ว่าจะมีแรงต่อรองที่ทำให้ลุงตู่ "ยืนเด่นโดยท้าทายได้..." เท่าใดนัก บวกกับกระแสข่าวว่าลุงตู่ จะเทคโอเวอร์พปชร.เอง ถามคำเดียวว่ายามนี้พปชร.มีราคาเท่าใดในสายตาของสังคม....
ฉะนั้นสถานการณ์ตอนนี้คล้ายว่า"ลุงตู่จะเดียวดายกลางสายลม...."
เพราะคำกล่าวของ "โทนี่ วู้ดซัม" ที่ยิงมาว่าลุงตู่-ผู้กองคนดัง คือ "เตรียมทหารรุ่นน้อง และไม่มีอะไรแค้นเคือง.." นั้นมันสามารถถอดรหัสการเมือง "บางอย่าง" ในวันข้างหน้าได้บ้าง...
และยิ่งกระแสภายในเกี่ยวกับการ "คุยหลังบ้าน" ของคีย์แมนหลายพรรค และคีย์แมนบางรายของพรรคท็อปไฟว์เมืองไทยนั้น "โทนี่ วู้ดซัม" เริ่มสายตรงไปบ้างแล้ว เกี่ยวกับการ "ฮั้วงวดหน้า" และยิ่งการประกาศเขตเลือกตั้งส.ส.ครั้งล่าสุดจาก กกต. ที่ยิงออกมาแบบ "ไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย" เช่นนี้ ยิ่งทำให้คนการเมืองขยับตัวเร็วขึ้นกว่าปกติ
ผนวกกับการเปิดตัวและเดินสายชูนโยบายของพรรคน้องใหม่ (พรรคกล้า-พรรคไทยสร้างไทย-พรรคสร้างอนาคตไทย) รวมทั้งการคัมแบ็คบ้านเก่าของผู้แทนหลายคน( อดีตส.ส.ทยอยแจ้งสังคมว่า ย้ายขั้วแล้วอย่างเป็นทางการ) ที่ดำเนินการคล้าย "นกรู้-ไก่ตื่น" ยิ่งตอกย้ำความเป็นไปได้ว่า "ยุบสภาก่อนครบวาระสูงยิ่ง"
แปลว่าโอกาส "ยุบสภา" นั้น ในตอนนี้พบว่ากระแสดังกล่าว "แรงยิ่ง" ในหมู่คนการเมือง หลายคนแต่งองค์ทรงเครื่องเตรียมตัวลงประชันกันแต่เนิ่นๆ เพราะคนการเมืองหลายชีวิตประเมินกันแล้วว่า "ลุงตู่อยู่ไม่ครบวาระแน่นอน" แม้จะมีภารกิจใหญ่ในช่วงปลายปี คือ เจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ไว้เป็นจุดหมายก่อนคืนอำนาจให้ประชาชนก็ตาม
หากตีความการแสดงความเห็นทางการเมืองของลุงตู่เมื่อไม่นานมานี้ จะพบว่าลุงตู่ปรับกลยุทธ์แบบรายวัน และพยายามที่จะบอกว่าแรงต่อรองทางการเมืองนั้น "อำนาจ" ยังอยู่ที่ลุงตู่ เพราะลุงตู่ยืนยันแล้วว่า "ไม่มีปรับครม.ตอนนี้ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา สมาชิกชั้นเอกพรรคน้องใหม่ แจ้งมายัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้วว่า ยืนขั้วรัฐบาล ไม่ยืนยันการยุบสภาว่าจะเกิดตอนไหน+ต้องหารือหลายฝ่าย+รอกฎหมายลูก 2 ฉบับเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้ลุล่วง"
หากนาทีนี้ไม่มีเก้าอี้ครม.ให้ปรับ พรรคใหม่ของผู้กองคนดัง "ยินยอม" ให้หรือ...
เซียนการเมืองอ่านสัญญาณการต่อรองของพรรคเศรษฐกิจไทย ว่า "1 รมว. และ 1 รมช." คือ บรรณาการขั้นต่ำที่ลุงตู่ต้องสนองตอบหากต้องการส.ส.ปีกผู้กองคนดัง ไว้ลงคะแนนผ่านค่ายกลการเมืองในเวลาอันใกล้ เพราะหลายเดือนข้างหน้านั้นกับดักเหล่านี้ หากไม่มีเสียงส.ส.หนุนนั้น (หากลุงตู่ไม่ไฟเขียวให้ผู้กองคนดัง น่าจะมีการเอาคืนแบบไม่ไว้หน้าเป็นระยะ) โอกาสที่ลุงตู่จะติดกับดัก"สูงยิ่ง"
แรงบีบเหล่านี้..ต้องถอดรหัสรายวันจากสัญญาณที่ลุงตู่สื่อออกมา เพราะกลเกมการเมืองบีบรัดวงล้อมให้แต้มต่อลดลุงตู่แบบต่อเนื่องนั้น จะคลาดสายตาไม่ได้