แต่พล.อ.ประยุทธ์ ยังเผชิญกับการไล่เช้า ไล่เย็น จากฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ซึ่งนับจากนี้ "ลุงตู่" จะเจองานหนักของจริง
"เนชั่นทีวี" ได้รวบรวมไทม์ไลน์การเมือง และสิ่งที่นายกฯกับรัฐบาลต้องเจอนับจากนี้
- กลางเดือน ก.พ. มีอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ซึ่งการอภิปรายลักษณะนี้ รัฐบาลไม่ต้องเสี่ยงพ่ายกลางสภาฯ แต่ต้องจับตาท่าทีของพรรคเศรษฐกิจไทย หากไม่ได้รับเงื่อนไขที่ดีในการร่วมรัฐบาล ซึ่งอาจไปร่วมกับฝ่ายค้านอภิปรายยำรัฐบาลก็เป็นไปได้
- ตลอดเดือน ก.พ. มีประชุมสภาฯทุกสัปดาห์ ทั้งการประชุมร่วมของรัฐสภา และประชุมสภาผู้แทนราษฎร โอกาสสภาฯล่มก็มีสูง หากกลุ่มผู้กองหันไปจับมือกับฝ่ายค้าน หรือเป็นฝ่ายค้านอิสระ ไม่ยอมแสดงตนในห้องประชุม
- เดือน พ.ค.จะมีเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ตามที่ มท.1 "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เพิ่งตอบกระทู้วุฒิสภา
- เดือน พ.ค.จะเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้
- รัฐบาลต้องเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566
ที่ต้องจับตาที่สุดคือ คือ วาระการดำรงตำแหน่งนายกฯของ "บิ๊กตู่" ครบ 8 ปีหรือยัง ซึ่งหมุดหมายคือเดือน ส.ค.ที่จะถึงนี้ และคาดว่าจะมีการยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความก่อนถึงเดือน ส.ค.
ฉะนั้น ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ยุบสภาฯ ก่อนเดือน ส.ค.65 เครดิตนายกฯ จะไม่เหลือเลย เพราะอาจมีสิทธิ์โดนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าดำรงตำแหน่งนายกฯครบ 8 ปีแล้วก็ได้ ฉะนั้น นายกฯต้องลากให้ผ่านเดือน ส.ค.ไปก่อน หากจะลากไป ก็ต้องผ่านศึกซักฟอก และผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ กลายเป็นวงจร "งูกินหาง" ของนายกฯในเรื่องนี้
กล่าวคือ ยื้ออยู่ในตำแหน่งให้นานที่สุด
-เจอจุดเสี่ยง 1 ศึกซักฟอก
-เจอจุดเสี่ยง 2 ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ => ชิงยุบสภาเร็ว
-เจอจุดเสี่ยง 3 ดำรงตำแหน่งครบวาระหรือไม่ เดือน ส.ค.65 => ยุบสภาไม่ได้
-ยื้ออยู่ในตำแหน่งให้นานที่สุด
ความพ่ายแพ้แบบหมดรูปของพรรคพลังประชารัฐในศึกเลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร หากไม่นับปัญหา "โหลดกระสุน แต่ไม่ยอมยิง" ก็ต้องยอมรับว่า พลังประชารัฐดูหมดน้ำยา ประชาชนไม่เชื่อถืออีกต่อไป ซึ่งจุดนี้เองทำให้หลายฝ่ายประเมินว่า มี 2 ทางเลือกสำหรับนายกฯ คือ
1.ยึดพรรค รีแบรนด์ เรียกความเชื่อมั่น
2.ย้ายพรรค สร้างแบรนด์ใหม่
ทว่า ทั้ง 2 วิธี โดยเฉพาะวิธีย้ายพรรค สร้างแบรนด์ใหม่ จะมีปัญหาที่เป็น "วงจรงูกินหาง"
แบบที่ 2 คือ นายกฯรีแบรนด์ หรือ สร้างพรรคใหม่ => จำนวน ส.ส.เหลือน้อยลง เสี่ยงเป็นแกนนำรัฐบาลสมัยหน้าไม่ได้ => ต้องดูด ส.ส.มาเพิ่ม => กลุ่มก๊วนในพรรคมีมาก => ขัดแย้ง แย่งเก้าอี้ => พรรคแตก-ตกต่ำ => นายกฯย้ายหรือรีแบรนด์....วนไป
สรุปนี่คือทางออก หรือทางตันของนายกฯกันแน่ และวงจรทั้งหมดนี้ จะไม่ตอบโจทย์ใดๆ เลย หากผลการเลือกตั้งเขต 9 แท้ที่จริงแล้วประชาชนต้องการส่งสัญญาณ ว่าไม่เอา "นายกฯลุงตู่" แล้วจริงๆ ไม่ใช่ปฏิเสธแค่พรรคพลังประชารัฐ