ชาวเมียนมาในหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศเข้าร่วมการประท้วงเงียบในวันนี้ ซึ่งตรงกับวันสิทธิมนุษยชน โดยบรรดาธุรกิจและร้านค้าพากันปิดตัวเงียบ และประชาชนอยู่บ้าน เพื่อต่อต้านการปกครองของรัฐบาลทหาร และต้องการปิดเมืองเพื่อส่งสารที่ชัดเจนถึงรัฐบาลทหารด้วยว่า ไม่มีอำนาจควบคุมชีวิตและกิจกรรมของพวกเขา
คำขวัญในการประท้วงเงียบครั้งนี้ คือ "เราเป็นเจ้าของเมือง การทำงานหรือการเงียบเป็นทางเลือกของเรา พวกเขาจะไม่มีวันได้รับอนุญาตให้ปกครอง"
นอกจากนี้ยังมีนักเคลื่อนไหวและพลเรือนร่วมจัดกิจกรรม Black Campaign ที่รณรงค์ให้ประชาชนโพสภาพตัวเองสวมชุดดำและชูสามนิ้วเพื่อต่อต้านรัฐบาลทหารและการรัฐประหารในโซเชียลมีเดีย
การเคลื่อนไหวเหล่านี้มุ่งสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนในเมียนมายังคงต้องเผชิญการกดขี่และการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างโหดร้ายทารุณ และนับจากวันที่กองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 ก.พ.จนถึงขณะนี้ มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 1,318 ราย และถูกจับกุมอีกราว 10,700 คนในช่วงกว่า 10 เดือนที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันชาวฟิลิปปินส์กว่า 100 คนรวมตัวประท้วงที่มหาวิทยาลัยในกรุงมะนิลาในวันนี้เนื่องในวันสิทธิมนุษยชน และประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนภายใต้การบริหารประเทศของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต
นอกจากนี้ผู้ชุมนุมยังเดินขบวนไปตามท้องถนน และชูป้าย "หยุดการเข่นฆ่า" และเผาหุ่นจำลองเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับประชาชนหลายพันคนที่ถูกฆ่าตาย
นับตั้งแต่ดูเตร์เตทำสงครามกวาดล้างยาเสพติด มีผู้ต้องสงสัยค้ายาเสพติดถูกสังหารกว่า 6,000 คน
ผู้ประท้วงยังถือป้ายคัดค้านกฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งศาลสูงสุดของฟิลิปปินส์มีคำวินิจฉัยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เนื้อหาบางส่วนในกฎหมายฉบับนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ สร้างความผิดหวังให้กับนักเคลื่อนไหวและนักสิทธิมนุษยชนที่ต้องการให้ยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ที่ถูกมองว่าคุกคามต่อเสรีภาพของพลเมือง