ตุรกี-เม็กซิโกสลายเดือดผู้ประท้วงในวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล

ผู้ประท้วงตุรกีหลายพันคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เดินขบวนสู่จตุรัสทักซิมในนครอิสตันบุลและปิดกั้นถนน เนื่องในโอกาสวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากลในวันที่ 25 พ.ย. ผู้ชุมนุมถือป้ายประท้วงและตะโกนเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงจากการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิง และบางคนเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก

ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าสลายฝูงชน หลังจากผู้ชุมนุมไม่ฟังคำเตือนให้สลายตัว และพยายามฝ่าแนวกั้นของตำรวจ

การประท้วงมีขึ้นเพียงเกือบ 5 เดือน หลังจากตุรกีเป็นชาติแรกที่ถอนตัวจากการเป็นภาคีสมาชิกในอนุสัญญาของสภายุโรปว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามความรุนแรงต่อผู้หญิงและความรุนแรงในครอบครัวหรือเรียกสั้นๆว่า อนุสัญญาอิสตันบุล เมื่อเดือน ก.ค. อนุสัญญาดังกล่าวมีภาคีสมาชิก 45 ประเทศและลงนามที่นครอิสตันบุลเมื่อปี 2554

ขณะที่ข้อมูลจากการรวบรวมโดยองค์กร  We Will Stop Femicide ระบุว่า มีผู้หญิงอย่างน้อย 285 คนเสียชีวิตจากการกระทำโดยผู้ชายในตุรกีในปีนี้

ขณะเดียวกันในกรุงเม็กซิโกซิตี้ของเม็กซิโก ก็มีการปะทะกันระหว่างตำรวจปราบจลาจลและผู้ประท้วงหลายพันคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงในการเดินขบวนเนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากลเช่นกัน ตำรวจใช้ระเบิดควันสลายการประท้วงของผู้ชุมนุมกลุ่มเล็กๆที่มีค้อนเป็นอาวุธ และผู้ประท้วงบางคนขว้างขวด ก้อนหิน และพลุใส่ตำรวจ

ตำรวจ รายงานว่า มีผู้บาดเจ็บ 17 คนจากการปะทะดังกล่าว ซึ่งรวมถึงตำรวจหญิง 10 คน

ขณะที่ข้อมูลของสหประชาชาติและองค์กรต่างๆ ระบุว่า ในเม็กซิโกมีผู้หญิงและเด็กหญิงอย่างน้อย 10 คนถูกฆ่าตายในแต่ละวัน และคดีฆาตกรรมผู้หญิงด้วยความเกลียดชังทางเพศ (femicide) ในเม็กซิโกระหว่างเดือน ม.ค.-ต.ค.ปีนี้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 842 คนหรือเพิ่มขึ้น 4.9% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

นอกจากนี้ยังมีการเดินขบวนประท้วงในอีกหลายเมืองทั่วโลก เช่น กรุงมาดริดและเมืองบาร์เซโลนาของสเปน, กรุงปารีสของฝรั่งเศส และกรุงลอนดอนของอังกฤษ