มานัสเซห์ โซกาวาเร นายกรัฐมนตรีหมู่เกาะโซโลมอน ออกมากล่าวโทษ แต่ไม่ได้เอ่ยระบุชื่อ ในเรื่องของการแทรกแซงจากต่างชาติ ต่อการตัดสินใจของรัฐบาล ในการเปลี่ยนพันธมิตรจากไต้หวันไปเป็นจีน ที่นำมาซึ่งการประท้วงต่อต้านรัฐบาล การวางเพลิงและการปล้นสะดมทรัพย์สิน ที่สร้างความเสียหายให้กับเมืองหลวงโฮนีอาราในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
แต่นักวิจารณ์ก็กล่าวโทษว่าความไม่สงบนั้น เกิดจากการร้องเรียนเรื่องการขาดระบบบริการและความรับผิดชอบของรัฐบาล การทุจริต และธุรกิจของจีนที่สร้างงานให้แก่ชาวต่างชาติ แทนที่จะเป็นคนในท้องถิ่น
ย่านไชน่าทาวน์ของกรุงโฮนีอารา และย่านใจกลางเมือง ตกเป็นเป้าการโจมตีจากกลุ่มผู้ก่อการจลาจล การปล้นสะดม และผู้ประท้วงที่เรียกร้องให้โซกาวาเร ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นช่วง ๆ มาตั้งแต่ปี 2543 ให้ลาออก
อาคารรัฐสภาแห่งชาติ สถานีตำรวจ และธุรกิจต่าง ๆ ถูกจุดไฟเผาในช่วง 2 วันที่โกลาหล ขณะที่ตำรวจท้องถิ่นไม่สามารถควบคุมกลุ่มคนร้ายได้
เครื่องบินลำหนึ่งที่บรรทุกตำรวจ และนักการทูตของออสเตรเลียเดินทางมาถึงกรุงโฮนีอาราเมื่อค่ำวันพฤหัสบดี โดยพวกเขาจะช่วยตำรวจในท้องที่ ในการพยายามฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและกองกำลังป้องกันประเทศออสเตรเลีย ได้เดินทางมาสมทบในวันศุกร์นี้ และพวกเขาได้เข้าควบคุมเมืองหลวงในทันที
แก๊สน้ำตาถูกนำมาใช้ในไชน่าทาวน์ ซึ่งการปล้นทรัพย์สินและการเผาอาคารที่ยังคงดำเนินต่อไปในเช้าวันศุกร์ และคาดว่าจะมีการประกาศเคอร์ฟิวในวันนี้
ชาวเกาะโซโลมอนคนหนึ่งบอกว่า มีคนมากกว่าร้อยคนที่ปล้นร้านค้าในวันศุกร์ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออสเตรเลียจะมาถึง
“ ที่นี่วุ่นวายจริง ๆ มันเหมือนกับเขตสงคราม ไม่มีระบบขนส่งสาธารณะ มันเป็นการต่อสู้กับความร้อนและควัน อาคารต่าง ๆ ยังคงลุกไหม้อยู่"
ถ้อยแถลงบนเว็บไซต์ของรัฐบาลหมู่เกาะโซโลมอน ระบุว่า ข้าราชการ ยกเว้นพนักงานจำเป็นควรอยู่บ้าน
"เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในกรุงโฮนีอาราในปัจจุบัน"
มารีส เพย์น รัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรเลียบอกว่าออสเตรเลียส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไป 100 นาย และพวกเขา
"มุ่งเน้นที่เสถียรภาพในภูมิภาคของเราอย่างชัดเจน"
ก่อนหน้านี้ ตำรวจออสเตรเลียเคยถูกส่งไปที่หมู่เกาะโซโลมอนในปี 2546 ภายใต้ภารกิจรักษาสันติภาพ และพวกเขาอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งทศวรรษ
โซกาวาเร สร้างกระแสความไม่พอใจให้กับหลายๆ คน เมื่อปี 2562 โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำของจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดของหมู่เกาะโซโลมอน อย่างมาลาอิตา เมื่อเขาตัดสัมพันธ์ทางการฑูตของประเทศกับไต้หวัน
ทางฝ่ายผู้นำมาลาอิตาบ่นว่า
เกาะของพวกเขาถูกลิดรอนการลงทุนจากฝ่ายรัฐบาลอย่างไม่เป็นธรรม นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้
ขณะที่ทางด้านนายกรัฐมนตรีบอกว่า
“ ผมรู้สึกเสียใจแทนประชาชนของผมในมาลาอิตา เพราะพวกเขาถูกเลี้ยงดูมาด้วยความเท็จและจงใจโกหกเกี่ยวกับเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ประเทศซึ่งขณะนี้มีอิทธิพลต่อมาลาอิตา คือประเทศที่ไม่ต้องการผูกสัมพันธ์กับสาธารณรัฐประชาชนจีน และพวกเขากำลังทำให้หมู่เกาะโซโลมอนไม่กล้าเข้าสู่ความสัมพันธ์ทางการฑูตและปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศและมติของสหประชาชาติ”
จีนและไต้หวันเป็นคู่แข่งกันในแปซิฟิกใต้มาเป็นเวลาหลายสิบปี และบางประเทศมีการเปลี่ยนพันธมิตร
จีนมองว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และไม่มีสิทธิ์ในความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับรัฐ ขณะที่รัฐบาลไทเปโต้แย้งอย่างถึงพริกถึงขิง แต่ก็มีเพียง 15 ประเทศเท่านั้นที่รักษาความสัมพันธ์ทางการฑูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน โดย 2 ประเทศล่าสุดที่ทิ้งไทเป เพื่อหันไปสนับสนุนปักกิ่งคือหมู่เกาะโซโลมอนและคิริบาส
โจแอน โอ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน เผยในแถลงการณ์ ระบุว่า
“เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบครั้งนี้”