เจ้าหน้าที่ฮ่องกงจับและกำจัดหมูป่าไป 7 ตัวเมื่อคืนวันพุธ (17 พฤศจิกายน) ขณะที่พวกเขาเริ่มการรณรงค์เพื่อลดจำนวนของพวกมันในเขตชานเมืองรอบ ๆ ศูนย์กลางทางการเงิน หลังจากที่หมูป่าตัวหนึ่งก่อเหตุกัดตำรวจนายหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
การล้อมปราบหมูป่าในเขตที่เจ้าหน้าที่บอกชาวบ้านบางคนถูกพบเห็นว่าให้อาหารพวกมัน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายเรื่องการควบคุมจำนวนสัตว์ป่าที่พบเห็นได้บ่อยครั้งที่สุดในเมือง
กรมการเกษตร ประมงและการอนุรักษ์ หรือ AFCD บอกในแถลงการณ์ว่า “สัตวแพทย์ ได้ใช้ปืนลูกดอกเพื่อจับหมูป่า 7 ตัว เพื่อการกำจัดอย่างมีมนุษยธรรมด้วยการฉีดยา”
ทางกรมระบุว่า หมูป่าที่อยู่ในเขตที่อยู่อาศัย ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางย่านการเงินไม่ถึง 30 นาทีด้วยการขับรถ “ เคยชินกับการเดินไปตามท้องถนน และมองหาอาหารจากผู้คนที่สัญจรไปมา หรือแม้แต่การวิ่งไล่ตามยานพาหนะ”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หมูป่าตัวหนึ่งวิ่งเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งจนล้มลง และยังกัดขาของเขา ทำให้เกิดบาดแผลลึก ซึ่งเรื่องนี้เองที่กระตุ้นให้ผู้บริหารฮ่องกง แคร์รี หล่ำ ออกมาเตือนว่ารัฐบาลจะเพิ่มบทลงโทษสำหรับผู้ที่ให้อาหารพวกมัน
ในเวลาต่อมา เจ้าหมูป่าตัวนั้น ก็พลัดตกลงจากขอบของที่จอดรถ ที่สูงประมาณ 10 เมตร และก็ตาย
เจ้าหน้าที่บอกว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีรายงานการทำร้ายผู้คนของบรรดาหมูป่าประมาณ 30 ครั้ง
นโยบายเดิมของฮ่องกงก็คือการจับพวกมัน จากนั้นก็ทำหมัน และย้ายพวกมันไปยังพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่
จากข้อมูลของรัฐบาล ฮ่องกงเป็นบ้านของหมูป่าประมาณ 3,000 ตัว และพวกมันไม่ใช่สายพันธุ์ที่ได้รับการคุ้มครอง
แต่การเปลี่ยนแปลงนโยบายในครั้งนี้ ก็ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มสิทธิสัตว์
อย่าง โรนี หว่อง โฆษกกลุ่ม Hong Kong Wild Boar Concern บอกกับผู้สื่อข่าวว่าปัญหาหมูป่าเกิดจากรัฐบาล ซึ่งล้มเหลวในการจัดสรรทรัพยากรเพื่อจัดการกับสัตว์อย่างสันติ