ยุโรปกลับมาติดเชื้อโควิด หลายประเทศออกมาตรการป้องกัน

นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี บอกก่อนการประชุมวิกฤตกับผู้นำระดับภูมิภาคว่า เยอรมนีกำลังอยู่เงื้อมมือของคลื่นลูกที่ 4 ของโควิด-19 "ที่น่าทึ่ง" 

 

การติดเชื้อรายวันในเยอรมนีทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ที่ 52,826 คนเมื่อวันพุธ ในขณะที่รัฐบาลของประเทศยุโรปมากมาย ต้องออกมาตรการตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นอย่างมากของผู้ติดเชื้อในทวีป

 

อย่างเบลเยียม ก็ประกาศมาตรการต่าง ๆ เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการล็อกดาวน์

 

ในขณะที่บอกให้ผู้คนจำกัดการติดต่อส่วนตัว นายกรัฐมนตรีอเล็กซานเดอร์ เดอ ครู บอกว่า  “สัญญาณเตือนภัยทั้งหมดเป็นสีแดง แผนที่ของยุโรปกำลังกลายเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว และของเราก็เหมือนกัน"

 

เด็กตั้งแต่อายุ 10 ขวบในเบลเยียมจะต้องสวมหน้ากาก จากเดิมที่กำหนดให้เป็นอายุ 12 ปี การทำงานจากที่บ้าน 4 วันต่อสัปดาห์จะกลายเป็นภาคบังคับตั้งแต่วันเสาร์ บัตรผ่านที่รู้จักกันในชื่อ Covid Safe Tickets จะต้องใช้ในโรงละคร โรงภาพยนตร์ และพิพิธภัณฑ์

 

ชาวเบลเยียมทุกคน จะเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ภายในสิ้นเดือนเมษายนปีหน้า

 

 

ออสเตรียซึ่งสั่งล็อกดาวน์ผู้คนประมาณ 2 ล้านคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนไปเมื่อวันจันทร์ ก็รายงานยอดการติดเชื้อรายวันเมื่อวันพุธเป็นสถิติใหม่ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งรายงานกรณีผู้ป่วยเป็นสถิติใหม่ด้วย ก็ได้ล็อกดาวน์บางส่วนไปแล้ว

 

สวีเดนก็จะเริ่มใช้บัตรฉีดวัคซีนโควิดตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมเป็นครั้งแรกสำหรับคอนเสิร์ตและกิจกรรมในร่มอื่น ๆ ที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 100 คน “ คนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ตามปกติ สิ่งสำคัญที่สุดของพวกคุณก็คือการฉีดวัคซีน” ลีนา ฮัลเลงเกรน รัฐมนตรีกระทรวงกิจการสังคม ซึ่งยอมรับว่ามาตรการนี้เป็นเรื่องยาก แต่บอกว่าสวีเดนไม่ได้แยกตัวออกจากส่วนอื่นๆ ของโลก บอก

 

อังเดรย์ บาบิส นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเช็ก บอกว่า ใครก็ตามที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน (หรือสามารถแสดงว่าพวกเขาหายจากโรคโควิด-19) จะถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมหรือบริการสาธารณะ ตั้งแต่วันจันทร์ การตรวจเชื้อที่ออกมาเป็นลบ ไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว

 

ประเทศเพื่อนบ้านอย่างสโลวาเกียซึ่งมีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่ 8,342 รายเมื่อวันพุธ กำลังจะออกมาตรการที่คล้ายคลึงกัน: นายกรัฐมนตรีเอดูอาร์ด เฮเกอร์ บอกว่า สถานที่ทำงานและร้านค้าที่ไม่จำเป็น จะเข้าถึงได้แต่เฉพาะพนักงานที่ได้รับวัคซีนแล้ว หรือผู้ที่สามารถพิสูจน์ว่าพวกเขาหายดีแล้วเท่านั้น 

 

อัตราการฉีดวัคซีนแตกต่างกันไปในแต่ละทวีป โดยสโลวาเกียอยู่ในกลุ่มที่ต่ำที่สุดของสหภาพยุโรปคือที่ 44% ในขณะที่สาธารณรัฐเช็กอยู่ที่ 58% ออสเตรีย 65% และเยอรมนี 68%

 

ทั้งเยอรมนีและออสเตรียมีรายงานเรื่องการเข้าคิวตามศูนย์ฉีดวัคซีน แต่พวกเขาก็มีอัตราการรับวัคซีนที่ต่ำที่สุดในฝั่งยุโรปตะวันตก

 

ออสเตรียยังมีอัตราการติดเชื้อสูงมากที่ 971.5 คนต่อ 100,000 คน ซึ่งสูงกว่า 319.5 คน ของเยอรมนีอย่างมาก

 

นอกจากการล็อกดาวน์สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนแล้ว เจ้าหน้าที่ออสเตรียบางคนยังเรียกร้องให้มีข้อจำกัดที่เข้มงวดยิ่งขึ้นสำหรับผู้อื่นด้วย เช่น เคอร์ฟิวในเวลากลางคืน

 

แม้ว่ายอดผู้เสียชีวิตโดยรวมของเยอรมนีจะต่ำกว่าในสหราชอาณาจักรมาก แต่ก็มีผู้เสียชีวิตถึง 294 รายในช่วง 24 ชั่วโมง และนางแมร์เคิลพูดถึงเหตุฉุกเฉินที่มีเตียงผู้ป่วยหนักในโรงพยาบาลถูกจับจองเต็มไปหมด สหราชอาณาจักรรายงานผู้เสียชีวิตรายใหม่อีก 201 ราย และติดเชื้ออีก 38,263 ราย

 

แมร์เคิลเรียกร้องให้เร่งมีการฉีดวัคซันกระตุ้นให้เร็วขึ้น และเสริมว่า "ยังไม่สายเกินไปที่จะตัดสินใจเข้ารับวัคซีนเข็มแรก"

 

ภูมิภาคในเยอรมนีหลายแห่งอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่ได้รับวัคซีนเข้าถึงบริการส่วนใหญ่ เช่น บาร์ คาเฟ่ ร้านทำผม และโรงยิม

 

ในทางการเมือง สถานการณ์ก็มีความซับซ้อน เนื่องจากรัฐบาลของแมร์เคิลกำลังจะถูกแทนที่โดยพันธมิตรพรรคการเมืองฝั่งตรงข้าม ซึ่งตั้งเป้าที่จะนำเสนอมาตรการต่อสู้กับโควิดของพวกเขาต่อรัฐสภาในวันพฤหัสบดี

 

ส่วนโฆษกรัฐบาลฝรั่งเศส กาเบรียล อัตตาล รายงานว่าฝรั่งเศสกำลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกที่ 5 โดยเมื่อวันพุธ มีผู้ป่วยรายใหม่มากกว่า 20,000 รายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม แต่ไม่มีแผนใด ๆ อออกมารับมือ นอกเหนือพาสปอร์ตโควิดที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เนื่องจาก "เรารับมือได้ดีกว่าเดิมด้วยวัคซีนและบัตรผ่านด้านสุขภาพ"

 

เขาบอกว่าฝรั่งเศสอยู่ห่างจากสถานการณ์จากเมื่อหนึ่งปีที่แล้วหลายปีแสง และตอนนี้ใครก็ตามที่อายุ 50-64 ปีสามารถนัดรับการฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่ 3 ได้แล้ว