หลังจากที่ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ได้พิพากษายกฟ้อง ดร.ไพร พัฒโน อดีตนายเทศมนตรีนครหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา
ในคดีอนุมัติให้มีการจ่ายขาดเงินสะสมซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณ จำนวน 20 ล้านบาท ให้แก่มูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัยในพระราชูปถัมภ์ เพื่อจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทวด
ดร.ไพร พัฒโน อดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ เปิดเผย“ผู้สื่อข่าว”ว่าได้มีการคุยกันในครอบครัวและดร.พฤกษ์ พัฒโน น้องชายและอดีตรองนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่
ได้ข้อสรุปว่า ดร.พฤกษ์ ขอถอนตัวจากการเสนอตัวเป็นผู้สมัครส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เขตเลือกตั้งที่ 3 และให้ดร.ไพร เสนอตัวลงสมัครในเขตนี้แทน ดร.พฤกษ์
“หลังจากนี้ก็จะทำเรื่องเสนอตัวไปตามระบบตามขั้นตอนเพื่อทางผู้บริหารพิจารณา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพรรคว่าจะให้โอกาสได้พิสูจน์ตัวเองหรือไม่ ให้โอกากลับมาทำงานหรือไม่”
ดร.ไพร กล่าวและว่า เหตุที่เสนอตัวเป็นผู้สมัครส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ในเขตเลือกตั้งที่ 3 เนื่องจากเป็นพื้นที่เดิมที่เคยได้รับเลือกตั้งมาแล้ว 2 สมัย ไม่เคยสอบตก และมีคะแนนสูงที่สุดในจ.สงขลาและติดอันดับประเทศ
“ส่วนตัวผมใกล้ชิดเขตเลือกตั้งที่ 3 มากกว่า และก็ยังไม่ทิ้งพื้นที่ในช่วงเวลากว่า20ปี แม้ว่าในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ก็ยังทำงานพื้นที่คาบเกี่ยวกับในเขตเลือกตั้งที่ 3 มาตลอดเช่น โครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมในต.คอหงส์”
ฉะนั้นความใกล้ชิดทางการเมืองในเชิงพื้นที่ผมมีความใกล้กับคนคอหงส์มากที่สุดรองจากเทศบาลนครหาดใหญ่ ซึ่งเขตเลือกตั้งใหม่ตำบลคอหงส์ก็อยู่ในเขตเลือกตั้งที่ 3
อดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ยอมรับว่าจุดเปลี่ยนที่ทำให้ตัดสินใจเสนอตัวเป็นผู้สมัครส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เขตเลือกตั้งที่ 3 มาจากผลศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ได้พิพากษายกฟ้อง
เนื่องจากว่ารู้สึกว่าได้รับความเป็นธรรมแล้ววันนี้ และคิดว่ามันก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องพิสูจน์ตัวเอง และอีกอย่างในที่สุดแล้วผมก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย
“เมื่อศาลอุทธรณ์ยกฟ้องเราก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ และผมก็มั่นใจว่าผมไม่ได้ผิดจริงๆ เพราะฉะนั้นเราก็สามารถลงการเมืองได้” อดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ กล่าว
ภาพ/ข่าว โดย : สมชาย สามารถ เนชั่นทีวี