จากกรณีที่ทางเพจอยากดังเดี่ยวจัดให้รีเทิร์นPART1 โพสต์ภาพพระสงฆ์อยู่ที่บ้านกับผู้หญิงเพียงลำพัง พร้อมข้อความ”ใส่สบงแล้วทรงมาปลูกบ้านอยู่กับสีกาได้หร่อ เจ้าหน้าคณะอำเภอจังหวัดสงขลาตรวจสอบหน่อย พิกัดหมู่1 ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พระมาสร้างบ้านพักส่วนตัวอยู่แถวบ้านเรามากับสีกาทุกวันโดยใช้รถยนต์บางครั้งมานอนพักอาศัยตอนกลางคืนด้วยเห็นแล้วเสื่อมความศรัทธา
ล่าสุดเมื่อช่วงช่วงบ่ายของวันนี้(10พ.ย.64) ทาง พ.ต.อ.อภิสฤษฏิ์ มณีโชติ ผู้กำกับการ สภ.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ ได้ส่งตำรวจชุดสืบสวนและตำรวจฝ่ายป้องกันปราม ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บ้านหลังนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในซอย3 ควนทอง หมู่1 ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างใหม่แต่ยังไม่เสร็จและไม่มีบ้านเลขที่
ก็พบกับพระสงฆ์อยู่ภายในบ้านหลังนี้กับสีกาจริง โดยพระอยู่ในชุดสวมแค่สบงกับอังษะ ไม่ได้สวมจีวร เจ้าหน้าที่จึงตรวจใบสุทธิพระ พบว่าเป็นพระจริงชื่อ พระมหาสุภักดิ์ ตุ้งโรจน์ อายุ 68 ปี สังกัดวัดเอี่ยมวรนุช กรุงเทพฯ บวชมาตั้งแต่พ.ศ.2517 แต่ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดไทยเชตะวัน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย แต่ปัจจุบันมาจำพรรษาอยู่ที่วัดคลองเรียนใน อ.หาดใหญ่ เนื่องจากติดสถานการณ์โควิดกลับวัดที่มาเลเซียไม่ได้
ส่วนผู้หญิงที่อยู่ในบ้านชื่อ นางสาวณิชกานต์ ตุ้งโรจน์ อายุ 54 ปี เมื่อสอบถามทั้งสองคนก็บอกว่าเป็นพี่น้องแท้สายเลือดเดียวกัน เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบรายละเอียดทะเบียนราษฎร์ก็พบว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องกันจริงมีพ่อแม่คนเดียวกัน
จากการสอบถามพระมหาสุภักดิ์ บอกว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านของน้องสาวที่กำลังสร้างใหม่ เพื่อให้ญาติพี่น้องซึ่งอยู่ที่อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี มาพักอาศัยหากมาทำธุรกิจที่หาดใหญ่ หรือให้พระอาคันตุกะ จากมาเลเซียมาพักเมื่อเดินทางมาประเทศไทย
ส่วนสาเหตุที่เดินทางมาที่บ้านหลังประจำเพราะต้องมาดูแลบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จ รวมทั้งมาเยี่ยมหลานของญาติที่อยู่ในละแวกเดียวกันที่เพิ่งคลอดลูก รวมทั้งให้อาหารสุนัข เมื่อเสร็จธุระแล้วก็จะกลับไปจำวัดที่วัดคลองเรียนทุกวัน ส่วนกรณีที่มาจำวัดที่บ้านหลังนี้ตอนกลางคืนก็ช่วงที่ลูกหลานเดินทางมาจากจ.ปัตตานีเท่านั้น ไม่ได้เป็นไปตามที่โซเชียลกล่าวหาว่ามาสร้างบ้านอยู่กับสีกาแต่อย่างใด
และต่อมาเพื่อหาข้อยุติในเรื่องนี้เพื่อให้เกิดความกระจ่างกับสังคม ทางพระราชวรเวที เจ้าคณะจังหวัดสงขลา ประสานไปยังพระปลัดสุภวัฒ สุวณฺโณ เจ้าคณะตำบลทุ่งตำเสา และพระมหาสันชัย ฐิติฆโร เจ้าอาวาสวัดคลองเรียน ให้เชิญตัว พระมหาสุภักดิ์ เข้าไปสอบสวนข้อเท็จจริงที่สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดสงขลา ซึ่งอยู่ที่วัดโคกสมานคุณ
โดยหลังจากที่มีการพูดคุยกันเกือบครึ่งชั่วโมงและทางเจ้าคณะจังหวัดสงขลาได้ตักเตือนพระมหาสุภักดิ์ ว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ที่พระจะไปพักอยู่ที่บ้านกับญาติเพราะคนที่ไม่รู้จักจะเข้าใจผิดเหมือนที่แชร์กันในโซเชียล พร้อมกับหาข้อสรุปเพื่อยุติปัญหาและข้อครหาที่ชาวบ้านอาจจะเข้าใจผิด
โดยทางพระราชวรเวที เจ้าคณะจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้สั่งห้ามไม่ให้พระมหาสุภักดิ์ กลับไปที่บ้านญาติหลังนี้อีก หากมีธุระจำเป็นเร่งด่วนก็ให้แจ้งกับเจ้าคณะตำบลทุ่งตำเสาก่อนทุกครั้งรวมทั้งให้ออกจากพื้นที่จ.สงขลา ไปก่อนเพราะไม่ใช่พระที่สังกัดอยู่ที่วัดในจ.สงขลา เป็นแค่พระอาคันตุกะ โดยให้ออกจากวัดคลองเรียน ไปพักอยู่ที่วัดศรีมหาโพธิ์ ที่อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ที่เคยไปจำวัดอยู่มาก่อนส่วนจะเดินทางออกจากวัดคลองเรียนวันไหนนั้นทางเจ้าอาวาสวัดคลองเรียนจะดำเนินการต่อไป ซึ่งทางพระมหาสุภักดิ์ ก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม และบอกว่าหากสถานการณ์โควิดคลี่คลายก็จะกลับไปอยู่ที่วัดไทยเชตะวัน ทันที พร้อมกับขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทำให้คณะสงฆ์จ.สงขลาเสื่อมเสียเพราะชาวบ้านเข้าใจผิด
ด้านพันตำรวจเอกอภิสฤษฎิ์ มณีโชติ ผู้กำกับการสถานีตำรวจทุ่งตำเสา บอกว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งก็ได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบ ข้อเท็จจริงทันที่และทราบว่าเป็นพี่เป็นน้องกันและ มีพ่อแม่เดียวกัน หลังจากนี้ก็ให้เป็นไปตามมติของคณะสงฆ์จังหวัดสงขลา