svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

เปิดคำพิพากษา "ไพร พัฒโน" ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง

10 พฤศจิกายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 2 ปีนายไพร พัฒโน ในการเบิกจ่ายสร้างวัตถุมงคลโดยจำเลยปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริต ฯ ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น จึงพิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้อง

คดีนี้ อัยการสูงสุด โจทก์ ยื่นฟ้อง นายไพร พัฒโน จำเลย ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90, 91, 151, 157 

กรณีกล่าวหา ระหว่างวันที่ 1-4 ก.พ.2548 ใช้อำนาจในตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ โดยมิชอบออกคำสั่งอนุมัติเบิกจ่ายขาดเงินสะสมซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณของเทศบาลนครหาดใหญ่ 20 ล้านบาทให้มูลนิธิ   สิรินธรราชวิทยาลัยในพระราชูปถัมภ์ เป็นทุนในการจัดทำโครงการจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด รุ่นมงคลมหาราช แทนเทศบาลนครหาดใหญ่ โดยการจัดสร้างวัตถุมงคลดังกล่าวให้พุทธศาสนิกาชนเช่าบูชาเพื่อหารายได้ในการบูรณะซ่อมแซ่มและปิดทององค์พระ "พระพุทธมงคลมหาราช" พระพุทธรูปประจำเมืองหาดใหญ่ โดยหลังจากการมีคำสั่งโอนเงินจ่ายขาดเงินสะสม จนถึงวันที่ 10 ก.ค.50 มีการโอนเงินให้ผู้จัดการโรงงานสร้างวัตถุมงคล เป็นค่าจ้างในการจัดสร้าง แต่จำเลยไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามขั้นตอนและวิธีการในการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบและหนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้อง จึงเป็นการทุจริตเอื้อประโยชน์ให้ผู้จัดการโรงงานสร้างวัตถุมงคลได้รับประโยชน์เป็นค่าตอบแทนจากการรับจ้างโดยไม่ต้องเข้าแข่งขันสู้ราคากับผู้ประกอบการรายอื่น และจำเลยมีหนังสือขอเบิกจ่ายเงินขาดสะสมที่ฝากไว้กับมูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัย ฯ เป็นค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ บวงสรวง ปลูกเสา และเททองพิธีปลุกเสกวัตถุมงคล ซึ่งเป็นการเบิกจ่ายเอื้อประโยชน์ให้ได้รับค่าตอบแทนในการรับจ้างประชาสัมพันธ์โดยไม่ต้องเข้าแข่งขันสู้ราคากับผู้ประกอบการรายอื่นด้วย จำเลยให้การปฏิเสธ

เปิดคำพิพากษา "ไพร พัฒโน"  ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง
 

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น พิจารณาแล้วมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม มาตรา 157  ให้จำคุก 2 ปี ส่วนข้อหาอื่นให้ยก

โจทก์และจำเลย ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งมีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เมื่อวันที่ 9 พ.ย.64 

เปิดคำพิพากษา "ไพร พัฒโน"  ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง
 

โดยศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า โครงการสร้างวัตถุมงคลดังกล่าว เป็นกิจการเกี่ยวเนื่องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศาสนาวัฒนธรรมอยู่ในอำนาจหน้าที่ของเทศบาลนครหาดใหญ่ที่จะกระทำได้ แม้ไม่ได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้แต่ ได้รับอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ขององค์กรส่วนปกครองท้องถิ่นพ.ศ.2541 ข้อ 9 และข้อ 34 และสภาเทศบาลนครหาดใหญ่ยังได้อนุมัติให้มีการจ่ายขาดเงินสะสมซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณจำนวน 20 ล้านบาทให้แก่มูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัย ฯ เพื่อให้จัดสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทวด ฯ และให้ประชาชนเช่าบูชาเพื่อนำรายได้ไปใช้ซ่อมแซมพระพุทธมงคลมหาราช จำเลยจึงได้มีการอนุมัติโอนเงินสะสมจำนวน 20 ล้านบาทดังกล่าวให้มูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัย ฯ และมูลนิธิได้ออกใบอนุโมทนาบัตรให้เทศบาลนครหาดใหญ่จึงเท่ากับเป็นการเบิกจ่ายขาดเงินสะสมแก่มูลนิธิ เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างวัตถุมงคลแล้ว เงินย่อมตกเป็นของมูลนิธิ เทศบาลนครหาดใหญ่จึงไม่ใช่เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ และไม่ต้องดำเนินการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุ ของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นพ.ศ 2535 อีก และการที่จำเลยแจ้งให้ ผอ.มูลนิธิ ให้จ่ายเงินรวม 3 ครั้ง เป็นการจ่ายเงินที่พ้นสภาพ จากการเป็นเงินของเทศบาลนครหาดใหญ่แล้ว การจ่ายเงินจึงไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวอีกเช่นกัน ที่ศาลชั้นต้น ยกฟ้องในส่วนนี้ ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยอุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น

เปิดคำพิพากษา "ไพร พัฒโน"  ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง

ส่วนที่จำเลยอนุมัติให้มีการจ่ายเงิน ค่าจัดสร้างวัตถุมงคล 3 ครั้งจากบัญชีมงคลมหาราชเทศบาลนครหาดใหญ่ ให้ผู้จัดการโรงงานสร้างวัตถุมงคลนั้น ได้ความจากมูลนิธิว่า ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างวัตถุมงคลเป็นเงินจำนวน 35 ล้านบาทเศษ แต่ขอให้เทศบาลนครหาดใหญ่ให้การสนับสนุนเบื้องต้น 20 ล้านบาท ทำให้น่าเชื่อว่าค่าใช้จ่ายในการสร้างวัตถุมงคลต้องมากกว่า 20 ล้านบาท เทศบาลนครหาดใหญ่จึงเปิดให้มีการจองหรือเช่าล่วงหน้า เพื่อนำเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างวัตถุมงคล โดยเงินนั้นนำเข้าบัญชี "มงคลมหาราช" พอฟังได้ว่าเทศบาลนครหาดใหญ่ทำแทนมูลนิธิเพื่อนำเงินมาชำระค่าจัดสร้าง ดังนั้นเงินในบัญชี จึงยังไม่ใช่รายได้ของเทศบาลนครหาดใหญ่จนกว่าจะมีการชำระหนี้ค่าจัดสร้างครบถ้วนแล้ว การที่จำเลยอนุมัติให้มีการจ่ายเงิน ยังไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฯ ตาม ป.อ.มาตรา 151, 157 ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 157 ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริต ฯ ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น จึงพิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้อง

logoline