ผลของการโหวตผ่านทางโพลบนทวิตเตอร์ของอีลอน มัสก์ ซีอีโอของของบริษัทเทสลาเมื่อวันอาทิตย์ ( 7 พฤศจิกายน ) สรุปว่าผู้โหวต 57.9 เปอร์เซ็นต์เห็นว่า มัสก์ควรขายหุ้นเทสลาออกไปประมาณ 10 เปอร์
เซ็นต์ หลังจากที่เขาสอบถามผู้ใช้เครือข่ายโซเชียลมีเดียว่าเขาควรลดสัดส่วนการถือหุ้นเทสลาหรือไม่
เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกทวีตเมื่อวันเสาร์ ( 6 พฤศจิกายน ) ว่าเขาจะขายหุ้นเทสลาออกไป 10% หากผู้ใช้ทวิตเตอร์อนุมัติข้อเสนอนี้ในแบบสำรวจความคิดเห็น
โดยรวมแล้ว ในการทำโพลครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมโหวตมากกว่า 3 ล้าน 5 แสนเสียง
มัสก์บอกว่าเขาไม่ได้รับเงินเดือนหรือโบนัส "จากที่ใด" ในบริษัทของเขา และเขามีเพียงแต่หุ้นเท่านั้น นั่นหมายความว่าเขาไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ แต่เขาก็ยังสามารถทำเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์จากออพชั่นที่ให้อำนาจเขาในการซื้อหุ้นจำนวนมากของบริษัท เมื่อบริษัททำผลงานได้ตามเป้า หรือเมื่อราคาของหุ้นขยับขึ้นถึงระดับที่กำหนด
อย่างเขามีออพชั่นจนถึงเดือนสิงหาคมปีหน้าในการซื้อหุ้นเทสลา 22 ล้าน 8 แสน 6 หมื่นหุ้น ในราคาหุ้นละแค่ 6.24 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาปัจจุบันอยู่ที่หุ้นละ 1,222 ดอลลาร์
แนวคิดเรื่องการขายหุ้นของมัสก์เกิดขึ้นหลังวุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครตของสหรัฐ ได้เปิดตัวข้อเสนอในการเก็บภาษีหุ้น และสินทรัพย์ที่ซื้อขายได้อื่น ๆ ของบรรดามหาเศรษฐี เพื่อช่วยสนับสนุนวาระการใช้จ่ายทางสังคมของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และเพื่อเติมเต็มช่องโหว่ที่อนุญาตให้พวกเขาเลื่อนการจ่ายภาษีกำไรจากการลงทุนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
มัสก็วิจารณ์ข้อเสนอนี้ว่า "ในที่สุด เงินของคนอื่นก็หมด แล้วพวกเขาก็จะมาหาคุณ"
และเพื่อการตอบโต้ในเรื่องนี้ เขาจึงเปิดให้มีการโหวตเรื่องการขายหุ้น และยืนยันว่าจะปฏิบัติตามผลของการโหวต
ณ วันที่ 30 มิถุนายน สัดส่วนการถือหุ้นของมัสก์ในเทสลา บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า อยู่ที่ประมาณ 170 ล้าน 5 แสนหุ้น และการขายหุ้นออกไป 10% ก็จะได้เงินเกือบ 2 หมื่น 1 พันล้านดอลลาร์ ตามราคาเมื่อปิดตลาดในวันศุกร์