วันนี้ (2 พ.ย.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แแก้วแท้ ผู้บัญชาทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ รอง ผอ.รมน. ลงพื้นที่ติดตามการสนับสนุนการจัดตั้ง ศบค.ส่วนหน้า ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในพื้นที่ของกองพลทหารราบที่ 15 ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และร่วมประชุมกับส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รับฟังบรรยายสรุปภาพรวมสถานการณ์ และแผนการสนับสนุน ศบค.ส่วนหน้า จาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า
ในประเด็นการสกัดกั้นผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายตามแนวชายแดน , การจัดตั้งด่านตรวจโควิด-19 ในพื้นที่ , การจัดตั้งจุดบริการประชาชน , การเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ตลอดจนการประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้ในมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ เพื่อนำไปสู่การให้ความร่วมมือในการรับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และการใช้ชีวิตแบบ New Normal
ซึ่งข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา มีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 เฉลี่ยร้อยละ 55.96 เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.27 ประกอบกับการใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มงวด และการรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนอย่างได้ผลในประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะพื้นที่ 4 รัฐชายแดน ทำให้คาดว่าจะทำให้สถานการณ์โควิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีแนวโน้มดีขึ้น
นอกจากนี้ ผบ.ทบ. ยังได้รับฟังแนวทางการสนับสนุนบริการทางการแพทย์ จาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า โดยศูนย์อำนวยการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งเรื่องการการจัดรถพยาบาลด้วยระบบกู้ชีพ ชุดปฏิบัติการฉุกเฉินพิเศษ สนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด การคัดกรองด้วยชุดตรวจเร็ว การฉีดวัคซีนให้กับประชาชน การจัดพื้นที่หน่วยทหาร ให้เป็นศูนย์แยกกักตัวชุมชน (CI) สำหรับกำลังพล ครอบครัว และประชาชนในพื้นที่ โดยใช้ระบบการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลกองทัพบก โดยได้สั่งการให้ค่ายทหารจัดเตรียมสถานที่ เพื่อรองรับการจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนาม ศูนย์แยกกักตัวชุมชน และภารกิจอื่นๆ เพิ่มเติม
ผบ.ทบ. กล่าวว่า วันนี้มาเพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ในส่วนของ ศบค.ส่วนหน้า แม้ว่าตนจะไม่ได้มีตำแหน่ง หรือหน้าที่ใดๆ ก็ตาม แต่การจัดตั้ง ศบค.ส่วนหน้า อยู่ในพื้นที่ของกองทัพบก ค่ายสุริโยทัย และมีแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นกรรมการใน ศบค.ส่วนหน้า
ดังนั้นตนจึงต้องมาติดตามรับทราบปัญหาข้อขัดข้อง ตลอดจนความพร้อมในการสนับสนุนต่างๆ ที่สำคัญสถานการณ์โควิด ถือเป็นภัยคุกคามของชาติ เป็นภารกิจร่วมกันของประเทศชาติ หาก ศบค.ส่วนหน้า ขาดเหลือ หรือต้องการอะไรเพิ่มเติม กองทัพบกก็ยินดีที่จะสนับสนุน โดยสิ่งสำคัญต้องเร่งสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นแก่ประชาชนในเรื่องของการฉีดวัคซีน เพื่อให้ครบตามเป้าหมาย 70% โดยเร็ว