สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรตรัสกับที่ประชุมสุด ยอดด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขององค์การสหประชาชาติ หรือ COP26 เมื่อวันจันทร์ (1 พฤศจิกายน) ว่า "เวลาสำหรับคำพูดตอนนี้ได้เปลี่ยนไปเป็นเวลาสำหรับการดำเนินการแล้ว" ขณะที่พระองค์เรียกร้องให้บรรดาผู้นำโลกนึกถึงคนรุ่นต่อไป เมื่อต้องเจรจาข้อตกลงเพื่อจำกัดปัญหาภาวะโลกร้อน
องค์พระประมุขแห่งสหราชอาณาจักรซึ่งมีพระชนมายุ 95 พรรษาแล้ว มีกำหนดจะเข้าร่วมงานที่กลาสโกว์ ในสกอตแลนด์ด้วยพระองค์เอง แต่ส่งวิดีโอมาร่วมในงานแทน หลังจากที่แพทย์แนะนำให้พระองค์พักผ่อนเป็นเวลา 2 สัปดาห์จากปัญหาพระพลานามัย
สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งเป็นองค์พระประมุขที่มีพระชนมายุมากที่สุด และครองราชย์มายาวนานที่สุดในโลกตรัสว่า " เป็นความหวังของหลาย ๆ คนว่ามรดกของการประชุมสุดยอดนี้ ซึ่งเขียนไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ที่ยังไม่ได้พิมพ์ จะพรรณนาถึงพวกคุณในฐานะผู้นำที่ไม่ทิ้งโอกาส และคุณจะตอบรับคำเรียกร้องของคนรุ่นอนาคตเหล่านั้น ว่าคุณจะออกจากการประชุมครั้งนี้ในฐานะผู้นำชุมชนของประเทศต่าง ๆ ด้วยความมุ่งมั่น ความปรารถนา และแผน เพื่อจัดการกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเพื่อให้ตระหนักว่าเวลาสำหรับคำพูดตอนนี้ได้เปลี่ยนไปเป็นเวลาสำหรับการ กระทำแล้ว”
สมเด็จพระราชินีตรัสว่าพระองค์มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับผู้นำเข้าสู่การประชุมสุดยอดเพราะ "ผลกระทบของสิ่งแวดล้อมต่อความก้าวหน้าของมนุษย์" เป็นเรื่องที่ใกล้เคียงกับหัวใจของเจ้าชายฟิลิป พระสวามีผู้ล่วงลับของพระองค์ ซึ่งสิ้นพระชนม์ไปเมื่อต้นปีนี้
พระองค์จำได้ว่าเจ้าชายฟิลิปได้เตือนการชุมนุมทางวิชาการในปี 2512 เกี่ยวกับความจำเป็นในการจัดการกับภัยคุกคามจากมลพิษ และทรงอ้างคำพูดของเจ้าชายที่บอกว่า “หากสถานการณ์มลพิษของโลกยังไม่วิกฤตในตอนนี้ ก็แน่นอนว่าสถานการณ์จะถึงระดับที่ทนไม่ได้มากขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น”
“ไม่สามารถภาคภูมิใจได้มากไปกว่านี้แล้ว” ที่งานของเจ้าชายฟิลิปยังคงดำเนินต่อไปโดยทายาทที่ใกล้ชิดที่สุด 2 พระองค์คือ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าชายวิลเลียม ซึ่งทั้งคู่ก็เข้าร่วมในการประชุมสุดยอด
หลังจากพระราชสาส์นของพระสมเด็จราชินี ที่พระราชทานแก่บรรดาผู้นำในช่วงงานเลี้ยงรับรองตอนเย็น นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน บอกว่า ผู้คนทั่วโลกต่างจับตาดูพวกเขาให้ " พลิกฟื้นสิ่งต่าง ๆ "
บรรดาผู้นำประเทศต่าง ๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม และนักเคลื่อนไหว ต่างก็วิงวอนให้มีดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อหยุดภาวะโลกร้อนที่คุกคามโลก ในวันจันทร์ (1 พฤศจิกายน) ในขณะที่การประชุมสุดยอด COP26 เป็นเวลา 2 สัปดาห์ได้เปิดฉากขึ้น
ภารกิจนี้ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นไปอีกจากความล้มเหลวของกลุ่มประเทศอุตสาห กรรมหลัก 20 ชาติ หรือ G20 ในการยอมรับข้อผูกพันใหม่ ๆ ที่มีความทะเยอทะยานมากขึ้นในการประชุมสุดยอดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่กรุงโรม
กลุ่ม G20 นั้นรับผิดชอบต่อประมาณ 80% ของก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมาทั่วโลก และในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันของคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นของคลื่นความร้อน ความแห้งแล้ง น้ำท่วมและพายุ
การประชุม COP26 ครั้งนี้ ล่าช้าไป 1 ปีเนื่องจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19
COP26 ตั้งเป้าที่จะรักษาเป้าหมายของภาวะโลกร้อนไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียส เหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม