นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี ที่กำลังจะลงจากตำแหน่ง เมื่อวันอังคาร (26 ต.ค.) ได้รับเอกสารการปลดออกจากตำแหน่งจากประธานาธิบดีแฟรงก์-วอลเตอร์ สไตน์ไมเออร์แล้ว หลังจากอยู่ในตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลมา 16 ปี ขณะเดียวกันประธานาธิบดีก็ให้เธอลงไปดำรงตำแหน่งรักษาการ
แมร์เคิล ซึ่งในช่วงเช้าได้ไปดูรัฐสภาชุดใหม่ที่มีความหลากหลายมากขึ้น และอายุน้อยมากขึ้น เลือกผู้หญิงจากพรรคโซเชียลเดโมแครต ( เอสพีดี ) พรรคสายกลางซ้าย ให้มาเป็นประธานรัฐสภาจากบริเวณที่นั่งชมของคนนอก จะดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีไปจนกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ .
เอสพีดี ซึ่งมาเป็นอันดับแรกในการเลือกตั้งเดือนกันยายน กำลังเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐ บาลผสมกับพรรคกรีนส์ และพรรคเดโมแครตเสรี ที่โปรภาคธุรกิจให้เสร็จภายในวันที่ 6 ธันวาคม ซึ่งก็จะเป็นการดันพรรคอนุรักษ์นิยมของแมร์เคิลให้หลุดออกไปเป็นฝ่ายค้าน หลังจากอยู่มา 4 วาระ
โอลาฟ โชลซ์ แห่งพรรคเอสพีดี ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาแทนที่แมร์เคิล ได้รับเอกสารการปลดประจำการสำหรับบทบาทของเขาในฐานะรัฐมนตรีว่าคลังด้วย
จริง ๆ แล้วสมาชิกทั้งหมดของคณะรัฐมนตรีเยอรมัน จากกลุ่มพันธมิตรซึ่งประกอบด้วยพันธมิตรอนุรักษ์นิยมพรรคซีดียู/ซีเอสยู และเอสพีดี ได้รับเอกสารการปลดอย่างเป็นทางการโดยประธานาธิบดี
เยอรมนีเลือกสมาชิกสภาบุนเดสต๊ากใหม่ ซึ่งเป็นชุดที่ 20 ในประวัติศาสตร์สหพันธรัฐหลังสงคราม ในการเลือกตั้งระดับชาติเมื่อวันที่ 26 กันยายน
รัฐธรรมนูญกำหนดว่ารัฐสภาต้องประชุมอย่างช้าที่สุด 30 วันหลังวันเลือกตั้ง ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดวาระของรัฐสภาชุดก่อน
บุนเดสต๊ากสามารถผ่านกฎหมายได้หลังจากที่สมาชิกทุกคนสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง แม้ว่าจะไม่ค่อยเกิดขึ้นระหว่างการเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสมใหม่ โดยปกติแล้ว บุนเดสต๊ากจะไม่มาประชุมกันอีกเลยจนกว่าจะมีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่
ภายใต้รัฐธรรมนูญ วาระของนายกรัฐมนตรีจะสิ้นสุดลงเมื่อบุนเดสต๊ากใหม่มาประชุมกัน อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรีที่จะลงจากตำแหน่ง จะเป็นรักษาการไปจนกว่าจะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี
ไม่มีข้อจำกัดอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับอำนาจของรักษาการนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลาดังกล่าว ถึงกระนั้น แมร์เคิล ผู้แสวงหาฉันทามติ และนายกรัฐมนตรีคนก่อน ๆ ก็ไม่ได้ทำการตัดสินใจที่สำคัญในช่วงเวลาดังกล่าว
ไม่มีกำหนดเส้นตายเช่นกันในการจัดตั้งรัฐบาล อย่างการเจรจาตั้งรัฐบาลระหว่างวันเลือกตั้งปี 2560 กับวันที่แมร์เคิลสาบานตนเข้ารับตำแหน่งวาระที่ 4 และวาระสุดท้ายของมร์เคิลก็ใช้เวลามากถึง 171 วัน ซึ่งมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
การจัดทำข้อตกลงครั้งก่อนหน้านี้ ใช้เวลา 23 - 86 วันก็แล้วเสร็จ ขณะที่หัวหน้าพรรคเอสพีดี , กรีนส์ และ เอฟดีพีตั้งเป้าที่จะให้นายกรัฐมนตรีคนต่อไป ซึ่งก็น่าจะเป็นโชลซ์ ได้รับเลือกตั้งจากบุนเดสต๊ากในสัปดาห์ของวันที่ 6 ธันวาคม