เปิดภาพคาดเป็นคนร้ายโรยตัวจากฝ้าเพดานปล้นร้านทองภูเก็ต

27 ตุลาคม 2564 ความคืบหน้ากรณีคนร้ายเจาะฝ้าเพดานโรยตัวเข้าไปก่อเหตุชิงทองรูปพรรณน้ำหนักรวมกว่า 300 บาท พร้อมเงินสดอีกจำนวนหนึ่งมูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท และทำร้ายญาติเจ้าของร้านทองทวีชัย ตั้งอยู่บริเวณถนนระนอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา
                     

โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ และตรวจสอบบริเวณโดยรอบที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นเส้นทางเข้า-ออก ก่อนและหลังเกิดเหตุ รวมถึงการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในร้านและตามเส้นทางต่างๆ ที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เข้าออกและหลบหนี

ตลอดจนสอบปากคำพยานบุคคล ทั้งผู้บาดเจ็บ เจ้าของร้านทอง และพนักงานขาย จนกระทั่งสามารถแกะรอยจนพบผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวเมียนมา 1 คน ซึ่งคาดว่า จะเป็นผู้ลงมือก่อเหตุดังกล่าว และได้นำตัวไปสอบปากคำที่ตำรวจภูธรภาค 8 เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้เกิดความชัดเจน
              

อย่างไรก็ตามก่อนการเข้าควบคุมและนำตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำนั้น เจ้าหน้าที่ทีมสืบสวนที่รับผิดชอบการติดตามภาพกล้องวงจรปิดตามสถานที่ต่างๆ ในตัวเมืองภูเก็ต พบชายต้องสงสัยขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบสี ยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนมาจากสี่แยก ถ.ปฏิพัทธ์ตัด ถ.กระบี่ (แยกโกเบนซ์) มุ่งหน้าไปตาม ถ.กระบี่ และผ่านสามแยกซิมจั่นไปตาม ถ.วิชิตสงคราม ก่อนจะขี่ย้อนศรเลี้ยวขวาเข้าบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมถนนสายดังกล่าว 

               
โดยสันนิษฐานว่าหลังก่อเหตุคนร้ายได้ปีนออกจากร้านทองทวีชัย และกระโดดลงบริเวณบ้านร้างจากนั้นได้วิ่งมาปีนประตูรั้วของบ้านร้างที่อยู่ริมถนนเยาวราช ก่อนวิ่งไปขึ้นรถจักรยายนต์ที่จอดไว้ริมถนนเยาวราชแล้วขับขี่ไปตามเส้นทางดังกล่าว โดยหลังก่อเหตุคนร้ายได้มีการเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่ออำพรางการติดตามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนที่จะถูกชุดสืบสวนที่มีการสนธิกำลังจากหลายหน่วยงาน เช่น 

กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8, กองบังคับการสืบสวนภูธรจังหวัดภูเก็ต, ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต, ชุดสืบสวนตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต, ตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต เป็นต้น ได้เข้าควบคุมตัวก่อนจะนำตัวคนร้ายไปสอบปากคำเพิ่มเติมและเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอที่ตำรวจภูธรภาค 8 เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน และออกหมายจับต่อไป

จากการสอบถามทางโทรศัพท์เกี่ยวกับคืบหน้าของคดีดังกล่าว กับ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการพิสูจน์ทราบ และรวมรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนอีกเล็กน้อย ซึ่งจะมีข่าวดีแน่นอน ก่อนจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว โดย : สาลินี  ปราบ จ.ภูเก็ต