25 ตุลาคม 2564 ที่ห้องประชุม ชั้น 2 สภ.เมืองภูเก็ต พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ( ผบช.ภ.8) เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุชิงทองในร้านทองกลางเมืองภูเก็ต ได้ทองรูปพรรณไปประมาณ 300 บ. มูลค่ากว่า 10 ล้าน และทำร้ายคนที่อยู่ภายในร้านได้รับบาดเจ็บ โดยมีพ.ต.อ.ประวิทย์ สุทธิเรืองอรุณ รองผบก.สส.ภ.8 รักษาการ ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต, พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม โดยใช้เวลาในการประชุมกว่าหนึ่งชั่วโมง
จากนั้น พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ รองผบช.ภ.8 นำทีมสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และ สภ.เมืองภูเก็ต ตลอดจนเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปยังร้านทองสถานที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบร่องรอยและหาเบาะแสคนร้ายอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งจุดที่คนร้ายเจาะฝ้าเพดานห้องน้ำชั้น 2 ระเบียบด้านนอกชั้น 2 บริเวณชั้นล่างหน้าตู้เซฟเก็บทองรูปพรรณและบริเวณหน้าร้านขายทอง โดยมี เจ้าของร้านฯ คอยอธิบายจุดต่างๆ โดยนางเบญจพร วัชรัตน์ อายุ 60 ปี เจ้าของร้านทองทวีชัย ซึ่งเป็นน้องสาวนางพวงเพ็ญฯ ที่ได้รับบาดเจ็บ ระบุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ไม้ที่คนร้ายใช้ตีผู้บาดเจ็บนั้น เป็นไม้แบบที่วางอยู่ภายในร้าน และมีดก็เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบบริเวณพื้นที่รกร้างและบ้านร้างที่ตั้งอยู่บริเวณ ถ.เยาวราช ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งคาดว่าเป็นจุดที่คนร้ายใช้เข้าและออกจากร้านทอง ทั้งก่อนและหลังก่อเหตุ โดยคนร้ายได้ปีนจากท้ายบ้านชั้นเดียวของชาวบ้านที่อยู่ติดกับด้านหลังร้านทองดังกล่าว ก่อนเดินลัดเลาะและปีนขึ้นไปยังระเบียงด้านหลังร้านทอง และเปิดแผ่นหลังคา 1 แผ่น เพื่อลอดตัวเข้าไปเจาะฝ้าเพดานห้องน้ำชั้น 2 ของร้านทอง และหย่อนตัวลงไปก่อนจะเข้าไปยังห้องนอนชั้น 2 แล้วเดินลงจากบันไดไปข่มขู่นางพวงเพ็ญฯ ที่นอนอยู่ลงไปชั้นล่าง เพื่อเปิดตู้เซฟเก็บทองรูปพรรณ และพบกับนายหวังดีฯ ที่นอนดูทีวีอยู่ จนเกิดการต่อสู้กันในที่สุด ซึ่งชุดสืบสวนได้เริ่มแกะรอยหาภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง เพื่อตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย
ทั้งนี้มีการตรวจสอบเส้นทางที่คนร้ายคาดว่า ก่อนเกิดเหตุคนร้ายเข้ามาทางบ้านเก่าแล้วเดินลัดเลาะมายังหลังร้านทองและใช้หลบหนีหลังก่อเหตุเส้นทางเดิม นอกเหนือจากถนนเยาวราชบริเวณอาคารร้าง ยังมีตรอกเก่าที่สามารถเดินทะลุจากอาคารร้างและบริเวณที่โล่งร้าง คือ ถนนกระบี่ ที่สามารถออกมายังตรอกใกล้ๆกับตลาดสดดาวน์ทาวน์ที่มีการเชื่อมต่อระหว่าง ถ.ระนองกับ ถ.กระบี่ได้อีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักเส้นทางหลบหนีเส้นนี้เช่นเดียวกัน ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อได้ว่า คนร้ายอาจเป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่อาจอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ
พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 เปิดเผยหลังการประชุมว่า ขณะนี้ได้แบ่งกำลังออกสืบสวนสอบสวนเป็น 2 ชุด โดยมี กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต และชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ออกสืบหาเบาะแสคนร้ายตามเป้าหมายและสถานที่ต้องสงสัยแล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และพยานแวดล้อม ทั้งเจ้าของร้านทั้ง 2 คน และประชาชนในละแวกใกล้เคียง ขณะนี้พอจะมีกลุ่มเป้าหมายแล้ว ขอเวลาในการทำงานให้กับเจ้าหน้าที่ ส่วนที่คนร้ายนำโทรศัพท์มือถือของเจ้าของร้านไปด้วยนั้น เบื้องต้นยังไม่พบว่า คนร้ายนำไปขายที่ใด ซึ่งทาง ผบช.ภ.8 ได้สั่งการและกำชับให้เร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันได้ภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดตามถนนสายต่างๆ มาประกอบการติดตามตัวคนร้ายแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อเร่งติดตามจับกุมคนร้ายโดยเร็วที่สุด
ขณะที่นางเบญจพร เปิดเผยว่า คนร้ายน่าจะรู้ว่า บริเวณชั้น 2 ไม่มีใคร เพราะมืด จึงปีนหลังคาแล้วเจาะทะลุฝ้าเพดานในห้องน้ำลงมา โดยอาวุธทั้งหมดก็ไม่ได้เตรียมมาเป็นของที่หาได้ภายในร้าน ก่อนจะนำมาข่มขู่และทำร้ายคนที่อยู่ในร้านจนบาดเจ็บ และบังคับให้เปิดตู้เซฟเก็บทองรูปพรรณต่างๆ ส่วนค่าเสียหายที่คนร้ายชิงทองรูปพรรณไปนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้สำรวจหรือตรวจสอบจำนวนที่แน่ชัด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจขอปิดตู้เซฟไว้ก่อน เพื่อตรวจสอบหลักฐานต่างๆ หากคนร้ายเปิดเซฟได้ของมีค่าทุกอย่างอยู่ในนั้น เบื้องต้นคาดว่าได้ทองงรูปพรรณต่างๆ น้ำหนักรวมประมาณ 300 บาท และเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท โดยในร้านมีทองรูปพรรณที่เก็บไว้รวมน้ำหนักกว่า 1 พันบาท มูลค่าเกือบ 30 ล้านบาท แต่คนร้ายมาเพียงคนเดียว จึงไม่สามารถเอาไปได้หมด ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นไปได้ทั้งคนงานต่างด้าวและคนไทยที่เคยเข้าออกที่ร้านเพราะร้านแห่งนี้เปิดให้บริการมากว่า 30 ปี ไม่เคยมีคดีอะไรเกิดขึ้น จึงไม่ได้ทำประกันทองไว้ แต่เชื่อว่าฝีมือตำรวจไทย ไม่เกินความสามารถ เพราะภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดค่อนข้างชัดเจน ทั้งหมดเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่มีใครอยากให้เกิด โดยคุณลุงคุณป้าก็อายุมากแล้ว ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะไปสู้กับคนร้าย
ภาพ/ข่าว โดย : สาลินี ปราบ จ.ภูเก็ต