นายกรัฐมนตรีซานเชซ ประกาศต่อหน้าผู้สนับสนุนในวันสุดท้ายของการประชุมพรรคสังคมนิยมนาน 3 วันที่เมืองบาเลนเซียของสเปนเมื่อวันอาทิตย์ โดยเน้นย้ำเรื่องนโยบายของรัฐบาลที่จะช่วยให้สเปนก้าวหน้า เช่น กฎหมายเพิ่มโทษคดีความรุนแรงในครอบครัวและการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ
นอกจากนี้เขาให้คำมั่นด้วยว่าจะกำจัดการค้าบริการทางเพศ ที่ทำให้ผู้หญิงตกเป็นทาส แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ
การค้าประเวณีไม่เป็นสิ่งผิดกฎหมายในสเปนตั้งแต่ปี 2538 และสหประชาชาติเผยแพร่ข้อมูลในปี 2559 ระบุว่า อุตสาหกรรมค้าบริการทางเพศในสเปนมีมูลค่าถึง 3.7 พันล้านยูโรหรือกว่า 1.42 แสนล้านบาท
ผลสำรวจในปี 2552 พบว่า ผู้ชาย 1 ใน 3 ของสเปนเคยจ่ายเงินซื้อบริการทางเพศ แต่รายงานอีกฉบับที่เผยแพร่ในปีเดียวกัน บอกว่า ตัวเลขอาจสูงถึง 39% และในปี 2564 รายงานของสหประชาชาติระบุว่า สเปนเป็นศูนย์กลางการค้าประเวณีที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากไทย และเปอร์โตริโก
ปัจจุบันการแสวงหาประโยชน์ทางเพศและการบังคับค้าประเวณีเป็นสิ่งผิดกฎหมายในสเปน แต่ไม่มีบทลงโทษสำหรับผู้ที่เสนอขายบริการทางเพศด้วยความสมัครใจของตัวเอง ตราบใดที่ไม่ได้กระทำในสถานที่สาธารณะ และกฎหมายสเปนจะเน้นการปราบปรามการค้ามนุษย์แทน และแม้งานค้าบริการทางเพศไม่ได้รับการยอมรับเหมือนการจ้างงานประเภทอื่นๆ แต่ก็มีสถานค้าบริการมากมายทั่วประเทศ และมีการประเมินไว้ว่า มีหญิงขายบริการทางเพศในสเปนราว 3 แสนคน
ในปี 2562 พรรคของซานเชซชูนโยบายหาเสียงเลือกต้้งไว้ว่า จะออกกฎหมายห้ามการค้าประเวณี แต่สองปีผ่านไป ก็ยังไม่มีการยื่นเสนอร่างกฎหมายใดๆ
ขณะที่ในช่วงไม่กี่ปีมีผู้หญิงถูกล่อลวงหรือบังคับให้ค้าบริการทางเพศมากขึ้น โดยในปี 2560 ตำรวจสเปนพบมีผู้หญิงมากถึง 13,000 คนจากการทลายเครือข่ายค้ามนุษย์ โดย 80% ถูกบังคับให้ค้าประเวณี