ซีรี่ส์ดราม่าภาษาเกาหลี "Squid Game" ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโลกทางเลือกที่คนที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวยอมเอาชีวิตเข้าแลกในการแข่งขันเกมเสี่ยงตายเพื่อปลดหนี้ และได้รับความนิยมล้นหลาม นับตั้งแต่ออกฉายเมื่อเดือนที่แล้ว และกำลังจะโค่น "Bridgerton"
ซีรีส์เรื่องราวชีวิตสังคมชั้นสูงของอังกฤษ ในปี ค.ศ.1813 เพื่อขึ้นเป็น "ออริจินัล ซีรีส์" ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Netflix แต่ล่าสุด รายงานของ BBC ระบุว่า "ยังมี เมเยอร์" (Youngmi Mayer) ซึ่งใช้ภาษาเกาหลีได้อย่างคล่องแคล่ว ได้โพสต์ลงทวิตเตอร์ว่า คำบรรยายใต้ภาพเป็นภาษาอังกฤษนั้น "แย่มาก" จนทำให้ความหมายดั้งเดิมสูญหายไป
พล็อตเรื่องวางไว้ว่า กลุ่มผู้เข้าแข่งขันต้องเอาตัวรอดจากเกมให้ได้ เพื่อจะโอกาสที่จะได้ออกไปพร้อมกับเงิน 45,600 ล้านวอน หลังชนะการแข่งจัน 6 เกมรวด แต่ถ้าแพ้คือ ตายสถานเดียว
แต่ "ยังมี" โพสต์ว่า "จุดประสงค์ของตัวละครหายไป บทเขียนมาดี แต่ไม่มีอะไรเหลือ เมื่อมันถูกทำเป็นซับไตเติล" เธอยังได้อธิบายประกอบคลิปวิดีโอที่โพสต์ใน TikTok ที่มียอดวิวเกือบ 9 ล้าน โดยยกตัวอย่างการแปลที่ผิดพลาด เช่น ในฉากที่ตัวละครคนหนึ่ง พยายามโน้มน้าวให้คนอื่นจับคู่เล่นเกมกับเธอด้วยการพูดว่า "ชั้นไม่ใช่อัจริยะนะ แต่ชั้นทำได้ดีน่า" แต่สิ่งที่ตัวละครพูดจริงๆ คือ "ชั้นฉลาดมากนะ ขนาดไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือนะเนี่ย" ... เกือบทุกอย่างที่ตัวละครคนนี้พูด ถูกแปลด้วยซับนรก มันดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่มันคือจุดประสงค์ของตัวละครที่ต้องการโอ้อวด
บรรดาแฟนๆ เริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การแปลของ Netflix ส่วนคนอื่นๆ ได้ชี้ให้เห็นว่า คำบรรยายใต้ภาพที่มีความแม่นยำน้อย ยิ่งสร้างความลำบากให้แก่คนที่พยายามเรียนรู้ภาษาใหม่ ซึ่งการท้วงติงของ "ยังมี" ได้เน้นย้ำเรื่อง "Closed captions" หรือ คำอธิบายสำหรับผู้มีปัญหาทางการได้ยิน รวมทั้งเสียงและเอฟเฟกต์เสียงตลอดจนคำพูด ที่จะถูกสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งเธอบอกว่า แย่กว่าซับไตเติลอีก
นี่น่าจะเป็นประเด็นล่าสุดของ "Squid Game" ที่ตกเป็นข่าวดังรายวัน ตั้งแต่เรื่องการใช้เบอร์โทรศัพท์จริง จนเจ้าของเบอร์เจอกระหน่ำโทรวันละ 4,000 สาย พ่วง SMS อีกมากมายมหาศาล จน Netflix อาจจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้ ตามด้วยการเปิดเผยเลขบัญชีธนาคารที่มีเจ้าของตัวจริง แต่โชคดีที่เป็นทีมงานเอง ก็เลยแก้ปัญหาด้วยการปิดบัญชีไป และเรื่องที่ SK Broadband ผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเกาหลีใต้ จะยื่นฟ้อง Netflix เพราะซีรีส์ดังและฮิตเกินไปจนทำทราฟฟิกเต็ม โดยในเอกสารที่ยื่นต่อศาลกรุงโซล ระบุว่า Netflix ควรตอบแทนผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในราคาที่สมเหตุสมผลสำหรับปริมาณการใช้งานเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น