เกิดการปะทะกันระหว่างฝูงชนชาวเวียดนามกับตำรวจตามด่านตรวจหลายจุด ขณะที่ประเทศยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ และข้อจำกัดเกี่ยวกับการเดินทางในนครโฮจิมินห์ และอีกหลายเมืองที่บังคับใช้มานานหลายเดือน โดยคลิปวิดีโอที่บันทึกวิทยุเอเชียเสรี (RFA)
เมื่อวันศุกร์ แสดงให้เห็นผู้ใช้แรงงานจากพื้นที่ห่างไกลในชนบท รื้อแบร์ริเออร์ทั่วทุกด่านตรวจรอบนครโฮจิมินห์ เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ และปะทะกับตำรวจ แต่มีบางคนลงนั่งคุกเข่าบนถนน อ้อนวอนให้ตำรวจยอมให้พวกเขาผ่านออกไป โดยบอกว่า ไม่มีเงินพอที่จะอาศัยอยู่ที่นครใหญ่แห่งนี้ต่อไป ด้านสื่อของทางการรายงานว่า แรงงานอพยพหลายพันคนในโฮจิมินห์ พยายามจะออกจากเมือง ทำให้เกิดความแออัดอย่างหนักตามด่านตรวจ
มีเหตุการณ์หนึ่งที่จังหวัดบิ่นห์เยือง (Binh Duong) มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 1 คน ตอนที่เจ้าหน้าที่ใช้กระบองไล่ฟาดฝูงชน เมื่อคืนวันพฤหัสบดีและเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา
ซึ่งคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่จังหวัดบิ่นห์เยืองกลายเป็นไวรัลในโซเชียล มีเดีย ในประเทศที่มีประชากร 98 ล้านคนแห่งนี้ และเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ชื่อว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 โดยไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจนถึงปลายเดือนกรกฎาคม ปี 2563
ซึ่งเป็นสถิติที่เกิดจากประสิทธิภาพในการติดตามผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อ การกักโรคที่เข้มงวด และการทดสอบแต่เนิ่นๆ แต่หลังฝ่าฟันไวรัสได้ 3 ระลอก โดยมีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันจำนวนน้อยมาก ก็เจอกับระลอกที่ 4 เมื่อเดือนเมษายน ปีนี้ และเกิดการระบาดที่มีผู้ติดเชื้อรวดเร็วใกล้แตะ 800,000 คน ทำให้รัฐบาลต้องประกาศมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลกระทบต่อแรงงานจำนวนมาก ที่บอกว่าต้องติดอยู่ที่โฮจิมินห์ จะกลับบ้านก็ไม่ได้ และบางคนอยู่นานกว่า 3 เดือนแล้ว
สื่อของทางการ "Voice of Vietnam" รายงานว่า นครโฮจิมินห์ได้จัดเตรียมรถบัสในแผนการขนส่งใครก็ตามที่อยากกลับจังหวัดบ้านเกิด โดยเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ (1 ตุลาคม) แต่พอถึงเที่ยงวันเดียวกัน ก็มีคนไปคอยที่ด่านตรวจทางหลวงหมายเลข 1 จำนวนมาก
ด้านหนังสือพิมพ์ออนไลน์ "ซิง" รายงานว่า หลายจังหวัดต้องส่งตำรวจไปยังพื้นที่แห่งนี้ เพื่อจัดการให้แรงงานได้ขึ้นรถกลับบ้านเกิด และขบวนรถบัสได้นำผู้โดยสารมากกว่า
1,000 คน ไปยัง 13 จังหวัด อีกหลายร้อยคนเดินทางโดยรถมอเตอร์ไซค์ ร่วมขบวนไปด้วย ซึ่งทางการได้ขอให้คนที่จะกลับบ้านลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อความปลอดภัย ส่วนคนที่จะกลับเข้านครโฮจิมินห์จะต้องกักตัวตามศูนย์ที่จัดให้ ส่วนคนที่พักอาศัยอยู่ที่โฮจิมินห์ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกเมือง