4 กันยายน 2564 เพจเฟซบุ๊ก "ชมรมแพทย์ชนบท" เปิดข้อมูล “โมลนูพิราเวียร์” (Molnupiravir) ยารักษา โควิด-19 ตัวใหม่ ซึ่งเป็นความหวังในการรักษาในอนาคต ระบุว่า
ทำความรู้จัก Molnupiravir ยาต้านไวรัสทดลองแนวทางรักษาโรค โควิด-19 ในอนาคต มีรายละเอียดดังนี้..
1.Molnupiravir (โมลนูพิราเวียร์) เป็นยาเม็ดชนิดรับประทานออกฤทธิ์ต้านไวรัส พัฒนาขึ้นเพื่อใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่
2.จากการศึกษาพบว่ามีฤทธิ์ต่อต้านไวรัสโคโรนาหลายชนิด เช่น ซาร์ เมอร์ส และโควิด-19
3.ปัจจุบัน โมลนูพิราเวียร์ มีสถานะเป็นยาต้านไวรัสทดลอง อยู่ระหว่างการวิจัยทางคลินิกในมนุษย์ระยะที่ 3 และอยู่ระหว่างการพิจารณาให้การรับรองขององค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (Food and Drug Administration) หรือ FDA
4.หลังจากนี้ หากผลการศึกษาพบว่า ยา โมลนูพิราเวียร์ มีประสิทธิภาพในการลดความรุนแรงของโรค และลดโอกาสในการเสียชีวิตมีโอกาสได้รับการรับรองให้ใช้เป็นยาฉุกเฉินสำหรับการรักษาโรคโควิด-19
5.การยับยั้งการระบาดของโรค โควิด-19 ที่ดีที่สุดในขณะนี้ คือ การฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ร่วมกับมาตรการป้องกันตนเองแบบชีวิตวิถีใหม่ (New Normal)
นอกจากนี้ ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊ก “มานพ พิทักษ์ภากร” การพัฒนายา “โมลนูพิราเวียร์” ระบุว่า
หลายคนอาจเห็นข่าวดีชิ้นนี้แล้ว Merck เผยแพร่ผลการศึกษา phase 3 MOVe-OUT trial ของยา “โมลนูพิราเวียร์” หรือ Molnupiravir ซึ่งใช้กับผู้ป่วย COVID กลุ่มเสี่ยงสูงที่มีอาการน้อย-ปานกลาง interim result พบว่า ยาลดอัตราการป่วยหนัก นอนรพ. เสียชีวิตได้ 50% ทำให้ทีมนักวิจัยตัดสินใจหยุดการทำวิจัยก่อนกำหนด
หลังจากนี้บริษัทจะยื่นขออนุมัติการใช้ยาแบบ EUA ต่อ US FDA ถือเป็นข่าวดีมาก ๆ เพราะเป็นยาที่ทำขึ้นมาเพื่อ โควิด-19 (COVID) โดยเฉพาะถัดจาก mAb ที่มีการใช้ก่อนหน้านี้ แต่ข้อดีของยานี้คือเป็นยากิน 5 วัน แทนที่จะต้องฉีดแบบ mAb
ก่อนหน้านี้มีความกังวลว่ายาอาจจะ fail clinical trial เพราะ MOVe-IN trial ซึ่งใช้ยานี้ในผู้ป่วยกลุ่มนอน รพ. ต้องปิดโครงการไป เพราะวิเคราะห์ออกมาแล้วพบว่าไม่ได้ผล
ข่าวดีของยานี้อีกประการคือ Merck ประกาศจะสนับสนุนให้บริษัทอื่นนำสูตรยาไปผลิตแบบ generic drug ในประเทศตนเองได้ด้วย ประเทศไทยควรรีบจีบบริษัท เพื่อขอความร่วมมือผลิตยานี้ เผื่อจะสำเร็จ
หลังจาก trial นี้ Merck ยังมี MOVe-AHEAD study ที่ศึกษาการใช้ยานี้ในการป้องกันการป่วยกรณีที่พบว่ามีโอกาสได้รับเชื้อ (post exposure prophylaxis) ถ้าสำเร็จจะยอดเยี่ยมขึ้นอีก