ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งของเยอรมนี ซึ่งเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างพรรคประชาธิปไตยคริสเตียนแห่งเยอรมนี หรือพรรค CDU ของ อังเกลา แมร์เคิล และพรรคสังคมประชาธิปไตยเยอรมนี หรือพรรค SPD ซึ่งเป็นพรรคคู่แข่ง ผลการนับคะแนนออกมาสูสีมาก แต่กลายเป็นพรรค SPD ที่มีคะแนนเสียงนำอยู่ที่ 25.7% ทำให้พรรคมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2015 ส่วนพรรค CDU และพรรคพันธมิตรได้คะแนนเสียงรวมกันที่ 24.1% ซึ่งนับเป็นการปิดฉากการบริหารประเทศของพรรค CDU ภายใต้การนำของแมร์เคิล
แม้การนับคะแนนจะยังไม่สิ้นสุดลง แต่ โอลาฟ โชลซ์ หัวหน้าพรรค SPD วัย 63 ปี ได้ประกาศชัยชนะแล้ว โดยบอกว่า พรรคได้ฉันทามติอย่างชัดเจนจากชาวเยอรมันให้เข้ามาบริหารประเทศ และคาดหวังว่าจะสามารถเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมได้ทันก่อนถึงช่วงคริสต์มาส ซึ่งพรรค SPD เตรียมจัดประชุมในวันนี้เพื่อหารือเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลผสม และส่งสัญญาณว่าอาจจับมือกับพรรคกรีนที่ได้คะแนนอันดับ 3 ด้วยคะแนนเสียง 14.8% และพรรคประชาธิปไตยเสรี หรือพรรค FDP ที่ได้ดันดับ 4 ด้วยคะแนนเสียง 11.5%
ผลการเลือกตั้งครั้งนี้นับว่าเป็นผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดของพรรค CDU ในรอบหลายสิบปี กลายเป็นการอำลาตำแหน่งที่ไม่สวยงามนัก สำหรับแมร์เคิล เพราะมนต์ขลังของความเป็นผู้นำหญิงเหล็กในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา ไม่สามารถแผ่บารมีไปยัง อาร์มิน ลาสเชต ผู้สืบทอดของเธอในพรรคได้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะภาพลักษณ์ของลาสเชตยังไม่คู่ควร และไม่ได้รับการยอมรับเท่นกับแมร์เคิล จากการที่เขาบริหารจัดการการระบาดโควิด-19 ที่รัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย ซึ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมที่มีจำนวนประชากรสูงสุดของประเทศได้อย่างย่ำแย่ อีกทั้ง เมื่อไม่กี่สัปดาห์ท่านมา เขายังถูกจับภาพได้ว่ากำลังหัวเราะตอนที่ประธานาธิบดีเยอรมนีขึ้นกล่าวไว้อาลัยในเมืองที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมอย่างหนัก จนคะแนนนิยมร่วงเหลือแค่ 20%
ขณะที่โชลซ์ ที่อยู่ต่างพรรคกับแมร์เคิลกลับดูเป็นทายาทตัวจริงของแมร์เคิลมากกว่า เพราะเขาคือผู้ที่ดำเนินรอยตามและสืบทอดอุดมการณ์ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลังในรัฐบาลของแมร์เคิล ทำให้ชาวเยอรมันเทความไว้วางใจให้เขาสูงกว่าคู่แข่งคนอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ลาสเชต ยืนยันว่า เขายังมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลผสมได้แม้พรรคมีคะแนนเสียงอยู่ในอันดับ 2 และแมร์เคิลจะยังคงรักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนกว่าการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมจะเสร็จสิ้น ซึ่งต้องจับตาดูการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมของพรรค SPD ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป