svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

กลุ่มสิทธิมนุษยชนวอนไทยอย่าส่งกลับสาวสองมาเลย์

24 กันยายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน เรียกร้องไม่ให้ทางการไทยส่งตัวนักธุรกิจสาวสองไปให้ทางการมาเลเซีย เพราะเกรงว่าเธอจะถูกลงโทษขั้นรุนแรง ด้วยเพราะพฤติกรรมและการแต่งกายที่ขัดหลักศาสนา

กลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน "Human Rights Watch" เรียกร้องไม่ให้ทางการไทยส่งตัว "นูร์ ซาญัต" (Nur Sajat) สาวประเภทสอง เจ้าของกิจการผลิตเครื่องสำอางที่โด่งดังระดับประเทศ กลับไปรับโทษตามกฎหมายอิสลามที่มาเลเซีย ในความผิดฐานแต่งกายเป็นผู้หญิงทำพิธีกรรมทางศาสนาในที่สาธารณะ ขณะที่โซเชียล มีเดีย มาเลเซีย ได้ติดแฮชแท็ก #LeaveSajatAlone เมื่อ 3 วันก่อน หลังจากมีข่าวว่า ซาญัต หรือชื่อจริงว่า "มูฮัมหมัด ซาญัต กามารุซซามาน วัย 36 ปี ถูกจับที่ประเทศไทย เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 8 กันยายน ในความผิดฐานเข้าเมือง หรือเป็นผู้อพยพผิดกฎหมาย
แต่ชาวมาเลย์ชื่อ "มิชา" มาประกันตัวเธอไปด้วยวงเงิน 2,000 ดอลลาร์ (66,000 บาท) เมื่อวันที่ 10 กันยายน แต่เธอต้องไปปรากฎตัวที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทุก 14 วัน

กลุ่มสิทธิมนุษยชนวอนไทยอย่าส่งกลับสาวสองมาเลย์

ทางการมาเลเซีย ได้ประสานมายังทางการไทย เพื่อขอให้ส่งตัวซาญัตกลับไปรับโทษในความผิดฐานขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ แต่กลุ่ม Human Rights Watch เกรงว่า เธอจะถูกตั้งข้อหาดูหมิ่นศาสนาอิสลาม ฐานแต่งกายข้ามเพศ ขณะที่สื่อยักษ์ของอเมริกัน Washington Post รายงานว่า ซาญัตไม่ได้ไปปรากฎตัวที่ศาล เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เพราะหนีออกจากประเทศตั้งแต่ตอนนั้น ...ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการ Human Rights Watch ประจำภาคพื้นเอเชีย ได้ทวี้ตเรียกร้องไม่ให้ส่งตัวเธอ เมื่อวันที่
20 กันยายน แต่แต่สำนักข่าว Astro Awani ของมาเลเซีย รายงานว่า ทางการไทยยังไม่ได้รับการร้องขอให้ส่งตัวซาญัตจากทางการมาเลเซีย แต่กระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก เพราะต้องอาศัยกฎหมายการย้ายถิ่นฐาน และทางการไทยกำลังพิจารณาทางเลือกสำหรับการดำเนินการต่อไป

กลุ่มสิทธิมนุษยชนวอนไทยอย่าส่งกลับสาวสองมาเลย์

ด้านสื่อกัมพูชา Khmer Times รายงานว่า แม้สถานการณ์ของซาญัตจะร้ายแรง โดยมีคนเตือนเธอว่า เธออาจมีอันตรายถึงชีวิต แต่เธอก็ยังไม่ได้ยื่นขอสถานะผู้ลี้ภัยในออสเตรเลีย  ขณะที่ malaymail รายงานว่า เธอได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ของสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ในการพาไปออสเตรเลียแล้ว แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจริงหรือไม่ 
 

logoline