ทหารเกาหลีไม่ได้โชคดีเหมือนพระเอก D.P.

ซีรีส์สายดาร์ค "D.P." หรือชื่อไทยว่า "หน่วยล่าทหารหนีทัพ" ที่แม้จะเขียนบทให้ตัวเอกของเรื่องรอดพ้นจากการถูก "บูลลี่" เพราะได้รับเลือกให้ร่วมปฏิบัติภารกิจให้กับหน่วยล่าทหารหนีทัพ เพราะมี "สกิล" ที่เตะตาผู้บังคับบัญชา แต่เนื้อหาในแต่ละตอนได้มุ่งไปที่ความคับแค้นและทุกข์ การต้องดิ้นรนต่อสู้กับความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจของเหล่าทหารหนีทัพ 

และที่จริงแล้วภาพที่เห็นในซีรีส์เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงมีทหารเกณฑ์หลายนายที่ถูกบีบให้ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว กับสภาพแวดล้อมและสังคมที่แตกต่างกันลิบลับจากโลกภายนอกที่คุ้นเคย ทั้งความเหนื่อยล้าทางร่างกาย และสภาพจิตใจที่ถูกบั่นทอนจากการถูก "รังแก" เช่น กรณีของพลทหาร "ซึง ยู จุน" ที่แม่ของเขาเป็นห่วงเพราะถูกส่งไปประจำการที่หน่วยแพทย์บริเวณชายแดนติดกับเกาหลีเหนือ แต่เธอหารู้ไม่ว่าศัตรูที่มาพรากชีวิตลูกชายไปจากเธอไม่ใช่เกาหลีเหนือ แต่เป็นทหารเกาหลีใต้ด้วยกัน 

พลทหารซึง ถูกบังคับไม่ให้กินอาหาร แต่ให้ เลียเสมหะที่พื้น หรือ อ้วกของตัวเอง พอเห็นท่าว่าไม่ดีก็ถูกส่งไปให้น้ำเกลือ จนกระทั่งวันที่ 6 เมษายน ร่างกายของ พลทหารซึง แบกรับไม่ไหวอีกต่อไป หลังถูกบังคับให้กินอาหารแช่แข็งในขณะที่โดนตีไปด้วย จนเขาหยุดหายใจและสิ้นใจในที่สุด ผลการชันสูตรศพชี้ว่าเขา "ขาดอากาศหายใจ"

การอ่านเรื่องราวของเขาแค่ไม่กี่บรรทัดยังรู้สึกอึดอัด ซึ่งมันเทียบไม่ได้เลยกับความทุกข์ทรมานที่เขาได้รับในแต่ละนาที ชั่วโมง สัปดาห์ และแต่ละเดือน จากน้ำมือของเพื่อนทหารด้วยกันจำนวน 6 คน และคนที่อายุมากที่สุดคือ 25 ปี... วันเกิดเหตุพ่อแม่ของ พลทหารซึง ได้รับโทรศัพท์ว่าให้รีบไปโรงพยาบาล เมื่อไปถึงก็พบว่าศพของเขามีแต่รอยฟกช้ำดำเขียว มีทหารมาถ่ายรูปและไม่ยอมตอบคำถามใดๆ ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าเรื่องราวการถูกทำร้ายของ พลทหารซึง จะกระจ่างชัด มันไม่ได้ออกจากกองทัพแต่รั่วมาจากรายงานภายใน ที่ตกไปอยุ่ในมืองกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนของทหาร

ลิม แท-ฮุน แห่งศูนย์เพื่อสิทธิมนุษยชนทหารให้ความเห็นว่า

"เคสของพลทหารซึงมีความไม่โปร่งใส เราอยากให้ครอบครัวของเหยื่อหรือผู้เสียชีวิต ได้รับข้อมูลจากทางการอย่างไม่จำกัด" 

พลทหารซึง ถูกพบว่าเสียชีวิตจากอาการ "Crush Syndrome" โดยมีปัจจัยจากการบาดเจ็บรุนแรงที่กล้ามเนื้อโครงร่าง และการช็อกจากความรุนแรงที่โดนกระทำมาตลอด ศาลทหารได้ตัดสินจำคุก "จ่าสิบเอกลี" 45 ปี ฐานที่เป็นหัวโจกคอยทำร้ายร่างกาย พลทหารซึง อีก 4 คน ได้รับโทษจำคุกระหว่าง 15-30 ปี ส่วนคนที่ 6 ให้ทำทัณฑ์บนไว้...

แม่ของ พลทหารซึง บอกว่าตอนที่เธอเห็นคนที่ทำร้ายลูกชายก็ถึงกับขนลุกและหน้ามืด เธอควบคุมจิตใจไม่ได้และขยับร่างกายก็ไม่ได้ด้วย แต่เธออยากจะทำกับพวกเขาเหมือนกับที่พวกเขาทำกับลูกชายเธอ เธอทิ้งท้ายว่าวัฒนธรรมการบูลลี่กันในค่ายทหารจะต้องเปลี่ยน และวัฒนธรรมนี้มันเริ่มต้นที่โรงเรียน มันเป็นความชั่วร้ายที่ "มนุษย์" ไม่สามารถทำได้ เธอรู้ว่าไม่สามารถบอกได้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก แต่อย่างน้อยก็ขอให้คนพวกนี้ได้รับโทษหนักๆ เท่านั้น!