ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส บอกเมื่อวันพุธ (22 กันยายน ) ว่า ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ตัดสินใจที่จะส่งเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสกลับไปยังสหรัฐอเมริกาในสัปดาห์หน้า หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เห็นด้วยว่าการปรึกษาหารือกับฝรั่งเศสก่อนที่จะประกาศข้อตกลงด้านความมั่นคงกับออสเตรเลีย อาจจะป้องกันไม่ให้เกิดข้อขัดแย้งทางการทูตระหว่าง 2 ประเทศ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฝรั่งเศสเรียกเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสกลับจากสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย เพื่อประท้วงหลังจากที่สหรัฐฯ และอังกฤษ ลงนามในข้อตกลงเรื่องการช่วยเหลือเรื่องเทคโนโลยีเรือดำน้ำนิวเคลียร์กับออสเตรเลีย เพื่อให้ออสเตรเลียออกมายันกับจีน ส่งผลให้ออสเตรเลียยกเลิกข้อตกลงเรือดำน้ำพลังงานดีเซลไฟฟ้าที่ทำกับโดยฝรั่งเศสมูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ และหันมาซื้อเรือพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ แทน
ในแถลงการณ์เมื่อวันพุธ ฝ่ายฝรั่งเศสเปิดเผยว่า มาครงและไบเดนได้พูดคุยทางโทรศัพท์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดข้อขัดแย้ง ซึ่งผู้นำทั้งสองตกลงที่จะเริ่มการปรึกษาหารือเชิงลึกเพื่อสร้างความไว้วางใจขึ้นใหม่ โดยทั้งสองจะพบกันที่ยุโรปในช่วงปลายเดือนตุลาคม เพื่อพูดคุยในเรื่องนี้
ขณะที่ทำเนียบขาวบอกว่าทั้งสองผู้นำใช้เวลาคุยโทรศัพท์ราวครึ่งชั่วโมง
เจน ซากี้ โฆษกทำเนียบขาวบอกกว่าไบเดนได้โทรศัพท์คุยกับผู้นำฝรั่งเศส "อย่างเป็นมิตร" และยอมรับข้อร้องเรียนของเขาเกี่ยวกับข้อตกลงเรือดำน้ำกับออสเตรเลียที่ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรที่รู้จักกันมายาวนาน ต้องเจอกับปัญหา
ซากี้บอกว่าฝ่ายไบเดนหวังว่าการเรียกร้องครั้งนี้จะเป็น "ขั้นตอนในการกลับสู่สภาวะปกติในความสัมพันธ์ที่ยาวนานและสำคัญ ที่สหรัฐฯมีกับฝรั่งเศส"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าไบเดนได้กล่าวขอโทษมาครงหรือไม่ ซากี้ได้เลี่ยงที่จะตอบคำถามโดยบอกเพียงว่า "เขายอมรับว่าควรมีการปรึกษาหารือที่มากกว่านี้"