ข้อตกลงหุ้นส่วนความมั่นคงภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ที่ใช้ชื่อว่า "ออคุส" ถูกประกาศขึ้นระหว่างการแถลงข่าวของประธานาธิบดีโจ ไบเดน, นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษ และนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลียช่วงค่ำวันพุธและเช้าวันพฤหัสบดี โดยสหรัฐฯและอังกฤษจะแบ่งปันเทคโนโลยีให้ออสเตรเลียสร้างเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์เป็นครั้งแรก และถูกมองว่าเป็นความพยายามคานอิทธิพลของจีนในทะเลจีนใต้
แต่จ้าว ลี่เจี้ยน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ทั้งสามประเทศกำลังทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างร้ายแรง ทำให้การแข่งขันสะสมอาวุธเข้มข้นยิ่งขึ้น และทำลายความพยายามของนานาชาติเพื่อจำกัดการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้งเตือนว่า กลุ่มออคุสไม่ควรพุ่งเป้าโจมตีประเทศที่สามหรือทำลายผลประโยชน์ของประเทศใด
ขณะเดียวกันฝรั่งเศส ที่ต้องสูญเสียข้อตกลงสร้างเรือดำน้ำนิวเคลียร์กับออสเตรเลียมูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์ ก็ประณามว่า การกระทำของไบเดนเป็นการแทงข้างหลัง และทำตัวแบบเดียวกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ฌ็อง-อีฟส์ เลอ ดรียัน รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส บอกว่า การตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวและไม่อาจคาดเดาได้ของไบเดนทำให้เขานึกถึงสิ่งที่ทรัมป์เคยทำ และเขารู้สึกโกรธและผิดหวัง รวมทั้งบอกด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องที่ควรกระทำต่อพันธมิตร
นอกจากนี้โจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ท้วงติงว่า การจัดตั้งหุ้นส่วนใหม่ของ 3 ชาติไม่ได้ปรึกษากับยุโรปเลย และอียูคงต้องผลักดันยุทธศาสตร์ใหม่ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกเอง
ขณะที่นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ของนิวซีแลนด์ บอกว่า ดีใจที่ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกได้รับความสนใจ และเป็นภูมิภาคที่มีการแข่งขัน ซึ่งยังมีโอกาสให้ชาติใดก็ตามเข้ามามีบทบาทในภูมิภาคนี้ แต่ต้องคำนึงถึงเสถียรภาพด้วย อย่างไรก็ตามเธอบอกว่า เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่น่านน้ำนิวซีแลนด์ตามนโยบายปลอดนิวเคลียร์ของประเทศฉบับปี 2527
นอกจากนี้กระทรวงต่างประเทศของอินโดนีเซีย ออกแถลงการณ์วันนี้แสดงความกังวลเรื่องการแข่งขันสะสมอาวุธในภูมิภาค และเรียกร้องให้ออสเตรเลียที่เป็นเพื่อนบ้านยึดมั่นในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค และเคารพกฎหมาย
ระหว่างประเทศ
ส่วนสิงคโปร์ และญี่ปุ่น หวังว่าการตั้งกลุ่มออคุสจะส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพ