21 กันยายน 2564 สืบเนื่องจากทางกระทรวงสาธารณสุขเห็นชอบให้สามารถฉีดบูธเตอร์เข็ม 3 ด้วยวัคซีน Astrazeneca แบบฉีดเข้าผิวหนัง โดยใช้ปริมาณวัคซีนเพียง 0.5 ml ได้ หลังจากมีการศึกษาวิจัยของโรงพยาบาลต่างๆ และพบว่า สร้างภูมิคุ้มได้ไม่ต่างจากการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ แต่มีผลข้างเคียงน้อยกว่า
เกี่ยวความพร้อมของจังหวัดภูเก็ตในการบูธเตอร์เข็ม 3 ด้วยการฉีดวัคซีนเข้าผิวหนัง ซึ่งนายแพทย์เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวว่าในส่วนของภูเก็ตบุคลากรมีความพร้อมอยู่แล้ว และ ได้มีการประชุมร่วมกันของศูนย์ฉีดวัคซีนทั้งจังหวัดภูเก็ต
มีข้อสรุปตรงกันว่า จะเริ่มฉีดวัคซีนเข้าใต้ผิวหนังให้กับชาวภูเก็ตที่ได้รับการฉีดวัคซีน Sinovac มาแล้ว 2 เข็ม ในวันที่ 24 กันยายนนี้ ซึ่งตรงกับวันมหิดล เป็นต้นไป ทราบว่าจะฉีดพร้อมกันในหลายจังหวัดที่เป็นพื้นที่สีแดงและสีแดงเข้ม เนื่องจากจังหวัดดังกล่าวได้รับวัคซีน Sinovac มานานแล้วตั้งแต่เดือนเมษายน ซึ่งภูมิต้านทานอาจจะลดลงมาเล็กน้อยจึงจำเป็นจะต้องกระตุ้นเข็ม 3
“ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า ทั้งการฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ผลลัพธ์ไม่ต่างกัน แม้ว่าจะรับยาน้อยกว่า แต่ผลข้างเคียงน้อยกว่า ยกเว้นกรณีผลเฉพาะที่ คือ มีผื่นแดงเป็นเรื่องปกติ เข้าใจว่าประชาชนส่วนใหญ่จะมีความเข้าใจในเรื่องการฉีดเข้าผิวหนัง สำหรับจังหวัดภูเก็ตมีผู้ที่ได้รับวัคซีน Sinovac ไปแล้ว 2เข็มประมาณ 300,000 คน จะฉีดเข้าผิวหนังทุกคน ยกเว้นก่อนหน้านี้ที่มีการฉีดเข้ากล้ามเนื้อไปแล้วบางส่วน”
นายแพทย์เฉลิมพงษ์ กล่าวถึงภาพรวมการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของจังหวัดภูเก็ตว่า จนถึงขณะนี้มีการฉีดวัคซีนเข็ม 3 เข้ากล้ามเนื้อให้กับพี่น้องชาวภูเก็ตซึ่งส่วนใหญ่จะมีทะเบียนราษฎร์ภูเก็ตไปแล้วประมาณ 80,000 คน และจนถึงวันที่ 23 กันยายนนี้จะฉีดได้ประมาณ 120,000 - 130,000 คน ส่วนที่เหลือตั้งแต่วันที่ 24 - 30กันยายน เป็นต้นไป จะเป็นการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ซึ่งจะครอบคลุมจำนวนประชากรประมาณ 200,000 คน
และจากตัวเลขทางสถิติหากสามารถฉีดได้ตามจำนวนดังกล่าวจะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และหลังจากนั้นส่วนที่เหลือจะเริ่มฉีดในช่วงต้นเดือนตุลาคมจนครบเกือบ 300,000 คน แต่งผู้ที่ฉีด Astrazeneca ไปแล้ว 2 เข็ม หรือฉีดไขว้ Astrazeneca 1 เข็ม และ Sinovac 1 เข็ม กระทรวงสาธารณสุขยังไม่อนุญาตฉีดใต้ผิวหนัง
ภาพ/ข่าว โดย:
สาลินี ปราบ จ.ภูเก็ต