การขยายเพดานการกู้สามารถทำได้จากหลายสาเหตุ เช่น ตัวเลขหนี้ภาครัฐของไทยใช้นิยามที่มาตรฐานสูงกว่าสากล โดยรวมหนี้รัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีจำนวนกว่า 8 แสนล้านบาทเข้าไปด้วย ทำให้ตัวเลขโดยรวมสูงกว่าปกติถ้าวัดตามมาตรฐานสากล
การก่อหนี้เพิ่มขึ้นจะต้องดูเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจมหภาคของไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี การส่งออกยังคงขยายตัว และการท่องเที่ยวกำลังจะกลับมา และเมื่อสังคมรับกับวิถีใหม่ หรือ New Normal ใช้ชีวิตร่วมกับโควิดได้ การบริโภคต่างๆจะกลับมาสู่ภาวะปกติทำให้ GDP ขยายตัวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภาครัฐไม่ควรประมาท เพราะเมื่อเกิดสถานการณ์โควิด ทำให้ต้องกู้เงินมาใช้จ่ายรวมกัน 1.5 ล้านล้านบาท ทำให้หนี้อยู่ในระดับสูงและต้องขยายเพดานหนี้ จากเดิมที่ระดับหนี้สาธารณะอยู่ในระดับ 40% จึงเหมือนกับประเทศมีเกราะคุ้มกันวิกฤติน้อยลงมาก และอีกหนึ่งโจทย์ใหญ่คือการพยายามแก้ระดับหนี้ให้ลดลง เพราะถ้าเกิดวิกฤติอื่นๆซ้อนเข้ามา จะเริ่มมีข้อจำกัดในการกู้เงินไปสู้วิกฤติอื่นๆ
ดร.นณริฎ ย้ำว่า รัฐบาลต้องใช้เงินส่วนที่เหลือให้คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากที่สุด และต้องเริ่มวางแผนลดหนี้ที่มีอยู่พร้อมๆ กับเพิ่มรายได้ภาครัฐในระยะยาว ไม่เช่นนั้นหากเจอวิกฤติอื่นๆ จะมีข้อจำกัดในการกู้เงินสู้วิกฤติ