ชาวต่างชาติประมาณ 200 คน รวมทั้งชาวอเมริกัน เดินทางออกจากอัฟกานิสถานด้วยเที่ยวบินพาณิชย์ที่ออกจากกรุงคาบูลเมื่อวันพฤหัสบดี โดยได้รับความร่วมมือจากกลุ่มตาลีบัน นับเป็นการออกเดินทางครั้งใหญ่ครั้งแรก นับตั้งแต่กองกำลังสหรัฐฯ ถอนทหารออกจากที่นั่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เที่ยวบินของสายการบินกาตาร์แอร์เวย์ สู่กรุุงโดฮา ของกาต้าร์ ถือเป็นความก้าวหน้าในการประสานงานที่เต็มไปด้วยอุปสรรคระหว่างสหรัฐฯ และผู้ปกครองใหม่ของอัฟกานิสถาน ความขัดแย้งเรื่องเครื่องบินเช่าเหมาลำที่สนามบินอีกแห่งหนึ่ง ที่ดำเนินมาเป็นเวลาหลายวัน ก็ส่งผลให้ชาวอัฟกันหลายร้อยคนต้องติดอยู่ที่นั่น ขณะรอการอนุญาตจากกลุ่มตาลีบัน
ชาวอเมริกัน ผู้ถือกรีนการ์ดของสหรัฐฯ และคนสัญชาติอื่น ๆ รวมถึงเยอรมัน ฮังการี และแคนาดา ได้เดินทางออกมาในเที่ยวบินแรกนี้
แต่ไม่ชัดเจนว่ามีชาวอเมริกันอยู่บนเครื่องบินกี่คน และจำนวนที่ยังตกค้างอยู่ในอัฟกานิสถาน
เน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ได้เชิญพลเมืองอเมริกัน 30 คนและผู้อยู่อาศัยถาวรที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือ LPR ให้เดินทางมากับเที่ยวบินเช่าเหมาลำครั้งนี้
เขาบอกว่า “ตอนนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่เลือกที่จะออกจากอัฟกานิสถานในวันนี้ ในการติดต่อกับพวกเขา พวกเขาให้เหตุผลหลายประการ บางคนต้องการเวลามากกว่านี้เพื่อพิจารณา คนอื่น ๆ ต้องการอยู่กับครอบครัวอย่างน้อย ๆ ก็ในตอนนี้ คนอื่น ๆ ก็อ้างถึงปัญหาทางการแพทย์”
การบินออกมา มีขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่ตาลีบันลาดตระเวนไปทั่วสนามบิน ผู้โดยสารต้องแสดงเอกสารสำหรับการตรวจสอบ ส่วนสุนัขก็ดมกลิ่นสัมภาระที่วางอยู่บนพื้น พนักงานสนามบินเก่าบางคนได้กลับมาทำงานอีกครั้งหลังจากที่หนีไปท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวายของการอพยพที่นำโดยสหรัฐฯ
ชาวอัฟกันอีกหลายร้อยคนที่บอกว่าพวกเขามีความเสี่ยงจากการช่วยเหลือทหารอเมริกัน ได้รวมตัวกันนานกว่าหนึ่งสัปดาห์ในเมืองมาซาร์-อี-ชาริฟ ทางเหนือ เพื่อรอการอนุญาตให้ขึ้นเที่ยวบินเช่าเหมาลำที่ออกเงินโดยผู้สนับสนุนหลายรายในสหรัฐ และเชื่อว่า หลายคนไม่มีเอกสารการเดินทางที่จำเป็น แต่ก็ไม่มีการยืนยันว่าเครื่องบินจะได้บินออกมาเมื่อไหร่
ไพรซ์บอกว่า " และเราชัดเจนมากว่า เราต้องการเห็นกลุ่มตาลีบันอนุญาตให้กับผู้ที่แสดงความปรารถนาที่จะออกมาในลักษณะนี้ "
ขณะที่ทูตกาตาร์ประจำอัฟกานิสถาน มุตลัก บิน มาเจด อัล กาห์ตานี เปิดเผยว่าผู้โดยสารอีก 200 คนจะออกจากสนามบินกรุงคาบูลในวันศุกร์