คุกคามผ่านโซเชียลฯ “พื้นที่สีเทา” ต้นตอปัญหาอาชญากรรม
ปัญหาการข่มขู่คุกคามบนโลกโซเชียลมีเดีย กลายเป็นอีกหนึ่งต้นตอปัญหาอาชญากรรมบนโลกเสมือน แต่สุดท้ายกลายกลับนำมาสู่การดำเนินคดีบนโลกความจริง อย่างกรณีของ “น้องไวกิ้ง” นายตำรวจหญิงที่ถูก “คนมือบอน” ไปแสดงความเห็นในทางกล่าวหาว่าร้ายจนถึงการคุกคามทางเพศ
ปัญหาการคุกคามในโลกออนไลน์ มีให้เห็นเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง อย่างการหลอกลวงให้ลงทุน หรือหลอกให้ลงทุน การแสดงความคิดเห็นในทางคุกคามทางเพศดาราหรือคนดัง หรือแม้แต่กรณีที่คนดังเองก็กลายเป็นผู้กระทำการคุกคามเสียเอง รวมถึงการทำไซเบอร์ บุลลี่ จนผู้ถูกกระทำตัดสินใจหนีปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย ซึ่งปัญหาที่เรายกตัวอย่างมา ก็มักจะพบว่า กลายเป็นคดีความไม่เว้นแต่ละวัน
พลตำรวจตรี นิเวศน์ อาภาวศิน ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บอกกับ "ข่าวข้นคนข่าว" ว่า ปัจจุบันพฤติกรรมการคุกคามทางเพศผ่านโลกออนไลน์ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการคุกคามเด็กหญิง หรือดาราคนดังต่างๆ ซึ่งสาเหตุที่ผู้ก่อเหตุเลือกจะทำพฤติกรรมแบบนี้ มาจากความสนุก กลั่นแกล้ง ความโกรธแค้น หรือแม้แต่คนที่มีปัญหาทางจิต ซึ่งคนกลุ่มนี้จะคิดว่าตัวเองมีอำนาจบน "พื้นที่สีเทา" นี้ เนื่องจากไม่มีคนเข้าไปควบคุมการใช้งานบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างจริงจัง
แถมตำรวจยังจับกุมผู้กระทำผิดได้ยาก เพราะเจ้าของแพลตฟอร์มออนไลน์ อย่าง เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม จะไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบเลย โดยอ้างถึงเรื่องความเป็นส่วนตัว จึงทำให้ตำรวจทำงานได้ยากมาก ประกอบกับผู้ที่ถูกกระทำหลายคน เลือกวิธีการที่จะอดทนไม่ดำเนินคดีเอง ทั้งหมดจึงเป็นปัญหาที่เราเห็นเป็นข่าวอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการถูกหลอกเงินผ่านออนไลน์ การคุกคามทางเพศ
ด้านคุณปวีณา หงสกุล มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ซึ่งต่อสู้ด้านสิทธิเด็กและสตรีมาตลอดหลายสิบปี มองว่า ปัญหาการคุกคามทางเพศบนโลกออนไลน์นั้น ตนเองขอสนับสนุนให้ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อออกมาต่อสู้เพื่อสิทธิของตัวเอง เพราะตอนนี้มีกฎหมายที่รองรับและมีบทลงโทษรุนแรงบังคับใช้ ฉะนั้น ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการคุกคาม ควรใช้ช่องทางตรงจุดนี้ เพื่อเป็นการยับยั้งและสร้างขอบเขตให้กับกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมคุกคามเด็กและสตรี