svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

แจ้ง3ข้อหาหนัก-หนุ่มคลั่งยายิงลุงเขยดับ

24 สิงหาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สุโขทัย - ตำรวจ สภ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย แจ้ง 3 ข้อหาหนักหนุ่มคลั่งยายิงลุงเขยเสียชีวิตคาที่ ขณะที่ญาติๆเตรียมสถานที่เพื่อรอรับศพท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าโศก

จากกรณีเหตุการณ์สะเทือนขวัญนายอนุวัฒน์ หอมฉุย อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 192/17 หมู่ 8 ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก คลั่งยาบ้าใช้อาวุธปืนยิงนายฉลอง พ่วงพี อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/3 หมู่ 4 ต.ไกรนอก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงเขย ขณะช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจเกลี้ยกล่อมเจรจาให้มอบตัว แต่ปรากฏว่าหลังจากนายฉลอง เดินเข้าไปพูดคุยกับคนร้ายได้เพียงครู่เดียว ถูกกระหน่ำยิงจนเสียชีวิตบริเวณลานดินบ้านเลขที่ 5 หมู่ 3 ต.ไกรนอก ซึ่งเป็นบ้านของนายณรงค์ สิงสนิท อายุ 53 ปี หลังจากก่อเหตุขับรถหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยังได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงใส่รถสายตรวจ สภ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ที่ขับติดตามเพื่อระงับเหตุ จนมาถึงบ้านของนายณรงค์ 

แจ้ง3ข้อหาหนัก-หนุ่มคลั่งยายิงลุงเขยดับ

นายณรงค์ เล่าถึงเหตุการณ์สุดสะเทือนขวัญครั้งนี้ให้ฟังว่า ช่วงเกิดเหตุตนและภรรยาได้ยินเสียงปืนดังขึ้น จึงได้ออกไปดูที่บ้านของเพื่อนบ้านที่อยู่ปากทางเข้าบ้าน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามกันมาอีกจำนวนมาก และยินเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัดนานร่วมชั่วโมงจนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนร้ายได้ จากนั้นจึงได้เดินกลับมาที่บ้านและพบว่านายฉลอง ได้ถูกยิงนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ที่ลานดินข้างบ้านจึงรีบวิ่งไปตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนคนร้ายตนได้เห็นว่าได้วิ่งถอดเสื้อถือปืนลูกซองยาวลัดทุ่งนามาจนเจ้าหน้าที่ตำรวจวิ่งตามมาจับกุมตัวได้ที่ชายทุ่งหน้าบ้านตน สำหรับคนตายเป็นคนที่รู้จักคุ้นเคยกันเนื่องจากเป็นคนบ้านเดียวกันและมีศักดิ์เป็นลุงเขยของคนร้ายด้วย

แจ้ง3ข้อหาหนัก-หนุ่มคลั่งยายิงลุงเขยดับ

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 44/3 หมู่ 4 ต.ไกรนอก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นบ้านของนายฉลอง ผู้ตาย โดยภรรยาและญาติๆได้จัดเตรียมสถานที่เพื่อรอรับศพนายฉลอง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งไปผ่าพิสูจน์ศพที่โรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้ามีเพื่อนบ้านมาช่วยกันกลางเต็นท์และทำครัวอยู่ข้างบ้าน

แจ้ง3ข้อหาหนัก-หนุ่มคลั่งยายิงลุงเขยดับ

นางถวิล พ่วงพี อายุ 67 ปี ภรรยาผู้ตาย เล่าว่า ปกติแล้วสามีตนมีอาชีพทำนา แต่ปีนี้ได้เข้ารับการผ่าตัดหลังเลยงดทำนา ซึ่งนายฉลอง สามีตนมีศักดิ์เป็นลุงเขย ของนายอนุวัฒน์ ช่วงเกิดเหตุสามีตนอยู่ที่บ้าน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาตามก็เลยออกไปส่วนตนเองไม่ได้ไป จนลูกสาวที่ตามสามีไปได้โทรศัพท์มาบอกว่าสามีถูกยิง สำหรับสามีตนกับหลานชายไปมาหาสู่กันบ่อยซึ่งก็เลี้ยงอยู่กินกันมานานคุ้นเคยกัน

แจ้ง3ข้อหาหนัก-หนุ่มคลั่งยายิงลุงเขยดับ

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง สภ.กงไกรลาศ พบว่า รถสายตรวจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกระงับเหตุได้จอดอยู่บริเวณด้านหน้าสถานีตำรวจ โดยมีร่องรอยของกระสุนเข้าที่บริเวณกระจกหน้าด้านซ้ายเป็นรูพรุน และบริเวณขอบกระจกหลังแคปแตกและมีรอยของกระสุนปืน ซึ่งจากการโทรศัพท์สอบถามไปยัง พ.ต.อ.สมชาย ชำนิ ผกก.สภ.กงไกรลาศ เปิดเผยเหตุการณ์ให้ฟังว่า ช่วงเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า มีเหตุชายคลุ้มคลั่งทราบชื่อภายหลัง คือ นายอนุวัฒน์ ใช้อาวุธปืนยิงกันที่เพ็ญจันทร์รีสอร์ท เลขที่ 161 หมู่ 2 ต.บ้านกร่าง อ.กงไกรลาศ จึงได้ไประงับเหตุ

แจ้ง3ข้อหาหนัก-หนุ่มคลั่งยายิงลุงเขยดับ

เมื่อไปถึงนายอนุวัฒน์ ได้ขับรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียน ผก 4230 พิษณุโลก หลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงได้วิทยุสกัดจับ จนพบรถของคนร้าย บริเวณจุดกลับรถ หน้าบ้านพักของนายอรุณ สุภาพร ถนนสิงหวัฒน์ ต.ไกรใน อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย จึงนำรถยนต์สายตรวจขวางแต่คนร้ายไม่ยอมจำนน กลับชักปืนยิงใส่กระสุนถูกกระจกหน้ารถและด้านข้างจนแตกละเอียด ก่อนที่จะเร่งเครื่องหลบหนีเข้าไปในพื้นที่ หมู่ 3 ต.ไกรใน เมื่อเห็นจวนตัวจึงทิ้งรถวิ่งหลบหนีเข้าป่า กำลังตำรวจ จาก สภ.กงไกรลาศ ชุดสืบสวน ภ.จว.สุโขทัย และ นปพ. กว่า 30 นาย ได้ทำการปิดล้อม และติดตามตัว นายฉลอง จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ดังกล่าว

แจ้ง3ข้อหาหนัก-หนุ่มคลั่งยายิงลุงเขยดับ

ในเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้ง 3 ข้อหาหนักคือ 1.ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา 2.พยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฎิบัติหน้าที่ 3.พกพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งขณะนี้ทางผู้ต้องหายังไม่สามารถให้การได้ยังมีอาการเบลออยู่ สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าระงับเหตุขณะนี้ได้ไปตรวจดวงตาที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร เนื่องจากเศษกระจกเข้าตา ส่วนเจ้าหน้าที่ ตำรวจอีก 1 นายไม่ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากปรับเอนเบาะนั่งหลบกระสุนได้ทัน สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดนั้นจากปัญหายาเสพติดก็ต้องสอบสวนกันต่อไป

 

ข่าว/ภาพโดย พิเชฐ เนตรบุตร / สุโขทัย

 

logoline