เครื่องบินต้องยิงพลุ-ดิ่งหัวลงจอดที่คาบูล

เครื่องบินทหารสหรัฐฯที่เข้าไปปฏิบัติภารกิจอพยพคนออกจากอัฟกานิสถาน ต้องยิงพลุและลงจอดแบบ "diving combat landings" หรือ การดิ่งหัวลงในขณะยังบินอยู่ในระดับสูง ก่อนเชิดหัวขึ้นเมื่อใกล้ลงจอดที่สนามบินนานาชาติฮามิด คาไซ ในกรุงคาบูล เพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีของกลุ่มไอเอส ที่กลับมาผงาดหลังตาลีบันยึดครองอัฟกานิสถาน และความเชื่อที่ว่า สหรัฐฯ จะถอนทหารออกหมดเมื่อครบกำหนดเส้นตายวันที่ 31 สิงหาคม ทำให้ชาวอัฟกันหลายพันคน พยายามหนีออกนอกประเทศจนเกิดความโกลาหล มีคนถูกเหยียบตายหลายคน รวมทั้งเด็กหญิงวัย 2 ขวบ ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตทั้งในและรอบสนามบินในช่วง 7 วันที่ผ่านมา มีอย่างน้อย 20 คนแล้ว

คลิปวิดีโอที่บันทึกเครื่องบินขนส่งของฝรั่งเศส ได้แสดงให้เห็นเครื่องบินทหารสหรัฐฯ ยิงพลุและดิ่งหัวลง ซึ่งเป็นยุทธวิธีสร้างความสับสนให้กับขีปนาวุธที่ใช้เทคโนโลยีตรวจจับความร้อน ที่อาจไปตกอยู่ในมือของกลุ่มรัฐอิสลามอัฟกานิสถาน (ISIS-K) ที่ต้องการยึดพื้นที่ในอัฟกานิสถานเป็นฐาน หลังการล่มสลายของกลุ่มใหญ่ในซีเรียและอิรัก

นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ได้ขอประชุมร่วมกับกลุ่ม G7 เพื่อเรียกร้องไม่ให้สหรัฐฯ ตัดช่องน้อยแต่พอตัว ถอนทหารออกหมดสิ้นเดือนนี้ ที่จะทำให้ทหารอังกฤษเสี่ยงเผชิญมือระเบิดฆ่าตัวตายไอเอส เบน วอลเลซ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม บอกว่า ชาวอัฟกันอาจต้องหนีด้วยตัวเอง เพราะไม่สามารถคงกองกำลังทหารอังกฤษ 900 นายเอาไว้ได้ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์จากทหารสหรัฐฯ แต่จะหาทางตั้ง "ศูนย์รองรับผู้ลี้ภัยชาวอัฟกัน" ในประเทศต่างๆ เช่น ปากีสถานและตุรกี ด้านเจมส์ ฮีปปี้ รัฐมนตรีกิจการทหาร บอกว่า ได้อพยพคนแล้วมากกว่า 1,700 คน ในช่วง 24 ชั่วโมง โดยความช่วยเหลือของตาลีบัน ที่เข้าไปแยกแถวผู้อพยพที่จะไปกับอังกฤษและสหรัฐฯ ออกจากกัน แต่พวกตาลีบันที่อยู่รอบสนามบิน ยิงปืนขึ้นฟ้าและใช้ไม้ไล่ตีฝูงชนที่ทางเข้าสนามบิน ที่ถือเป็นมาตรการควบคุมฝูงชนที่โหดที่สุด