svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

อาจไม่ผิดถึงคดีอาญา แต่มีไม่เหมาะสม ปมเมียผอ.ฉีดไฟเซอร์

22 สิงหาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

คืบหน้า ผอ.รพ.เฉลิมพระเกียรติโคราช ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เมียตัวเอง ปธ.สอบข้อเท็จจริงเผย อาจไม่ผิดถึงคดีอาญา แต่มีความไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ชงเรื่องให้ สสจ.พิจารณาความผิดทางวินัยแล้ว

22 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีที่มีการแชร์ต่อในโลกโซเชี่ยล ถึงรายชื่อผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ โควตาของโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา ซึ่งพบว่าในจำนวน 144 ราย ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ มีรายชื่อของภรรยา ผอ.โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ ที่ทำงานอยู่ในคลินิกเอกชน และสามีของหัวหน้ากลุ่มเภสัชกรรมและคุ้มครองผู้บริโภค โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเปิดร้านขายยารวมอยู่ด้วย จนมีการวิพากษ์วิจารเป็นอย่างมากว่า  ไม่ได้เป็นบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า เหตุใด จึงได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขจัดสรรมาให้ สำหรับฉีดบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า  ทำให้นายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา หลังได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงถึงกรณีที่เกิดขึ้น

อาจไม่ผิดถึงคดีอาญา แต่มีไม่เหมาะสม ปมเมียผอ.ฉีดไฟเซอร์

ล่าสุด วันนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นพ.วิชาญ คิดเห็น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ซึ่งได้รับการเปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ตนเองได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริง และส่งเรื่องไปให้นายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจารณาแล้ว ซึ่งผลการพิจารณาโทษจะออกมาเช่นไร ก็อยู่ที่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฯ จะพิจารณา ถึงอย่างไรก็ตามขณะนี้ก็ยังให้ ผอ.โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ ปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม เนื่องจากช่วงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่นนี้ บุคลากรทางการแพทย์มีน้อย จำเป็นต้องให้ทำงานมีความต่อเนื่อง 
 

อาจไม่ผิดถึงคดีอาญา แต่มีไม่เหมาะสม ปมเมียผอ.ฉีดไฟเซอร์

และโทษอาจจะไม่ถึงกับปลดออกจากตำแหน่ง เพราะในหนังสือสั่งการให้สำรวจบุคลากรที่จะได้รับการฉีดวัคซีนนั้น ให้สำรวจบุคลากรทางการแพทย์ครอบคลุมถึงบุคลากรที่อยู่ในคลินิกเอกชนด้วย เพียงแต่วัคซีนไฟเซอร์ในล็อตแรก ทางสาธารณสุขจังหวัดฯ ได้เน้นย้ำว่าจะฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าก่อนเป็นลำดับแรก ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ในคลินิกเอกชน จะได้รับการฉีดในล็อตถัดไป จึงอาจจะไม่เข้าข่ายผิดถึงคดีอาญา เพียงแต่ว่าในกรณีนี้ ผอ.โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ และหัวหน้ากลุ่มเภสัชกรรมและคุ้มครองผู้บริโภค โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ นำไปฉีดให้กับคู่สามี ภรรยาของตัวเอง ทำให้เกิดความไม่เหมาะสม และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งการของสาธารณสุขจังหวัด ที่เน้นย้ำว่าจะฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าก่อน ซึ่งขณะนี้ก็ต้องรอทาง สสจ.พิจารณาความผิดทางวินัยอีกครั้ง

โดย – ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ

logoline