30 กรกฎาคม 2564 ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข นำโดย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ที่ร่วมกัน ชี้แจ้งการคาดการณ์แนวโน้มการติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย
นายแพทย์ เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุข พยายามให้ยาฟาวิพิราเวียร์โดยเร็วที่สุดในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด -19 ขณะนี้มีการสำรองยาฟาวิพาราเวียร์ในเดือนสิงหาคม 40 ล้านเม็ด และเดือนกันยายน 40 ล้านเม็ด ถือว่าเรามียาจำนวนมากพอสมควรและได้มีการส่งยาไปภูมิภาคต่างๆเรียบร้อย
ส่วนข้อมูลเรื่องจำนวนเตียงในระบบสาธารณสุข ทั้งประเทศในขณะนี้และในระบบสาธารณสุขมีเตียงสำหรับดูแลผู้ป่วยทั่วไปประมาณ 100,000 เตียง แต่เมื่อมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงมีการแยกเตียงสำหรับผู้ป่วยโควิดและจัดหาเตียงเพิ่มเพื่อการจัดเตียงไว้รองรับ ขณะนี้การครองเตียงอยู่ที่ประมาณ ร้อยละ 80 ส่วนของกรุงเทพมหานครการของเตียงประมาณร้อยละ 90 ซึ่งการขยายเพิ่มเตียงไม่สามารถทำได้ เนื่องจากบุคลากรด้านสาธารณสุขมีจำนวนจำกัดและในขณะนี้ภาระงานของบุคลากรก็ล้นเกินกำลัง
ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาปรับรูปแบบ Home Isolation และ Community Isolation ขึ้นมาเพื่อรองรับ กลุ่มผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยข้อมูลเชิงสถิติที่ มีการคาดการณ์ล่วงหน้าตามสถานการณ์ในขณะนี้หากไม่มีมาตรการล็อคดาวน์เราอาจมีผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันอาจจะสูงถึง 40,000 รายต่อวัน ซึ่งจะพบยอดตัวเลขพุ่งสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณวันที่ 14 กันยายน
ส่วนการคาดการณ์จำนวนผู้เสียชีวิตรายวันหากไม่มีมาตรการใดใดในระหว่างนี้เราจะพบผู้เสียชีวิตสูงถึงวันละ 600 รายโดยคาดจะพบยอดตัวเลขขึ้นสูงสุดในช่วง วันที่ 28 กันยายน ดังนั่นมาตรการล็อคดาวน์นั่นถือเป็นมาตรการสำคัญที่ช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงได้ รวมถึงความร่วมมือของประชาชนในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรค
ขณะที่นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุถึงการจัดตั้งทีม CCRT เน้นเป็นทีมทำงานเชิงรุกลงพื้นที่ไปยังชุมชนที่เข้าถึงระบบต่างๆได้ยากทั้งการเข้าถึงระบบการรักษา การตรวจคัดกรอง การเข้าถึงวัคซีนเป็นต้น
ช่วงวันที่ 4-10 สิงหาคม ทางกระทรวงสาธารณสุขจะรวมทีมบุคลากรทุกพื้นที่ ทั้งต่างจังหวัดและในกรุงเทพมหานคร จัดตั้งทีม CCRT จำนวน 50 ทีม เพื่อลงพื้นที่ตรวจคัดกรองในชุมชนตามบ้านให้ได้ทีมละ 1,000 คนต่อวันเฉลี่ยจะสามารถทำการตรวจเชิงรุกได้วันละ 50,000 ราย ตั้งเป้าต้องตรวจเชิงรุกและด้วยชุดตรวจ ATK ให้4-5 แสนราย เพื่อการขัดแยกผู้ป่วยผู้ติดเชื้อออกจากชุมชนออกจากบ้านซึ่งถือเป็นแนวทางหนึ่งในการร่วมลดการระบาดของ โควิด-19