ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถรับมือกับแสงแดดที่อาจจะรุนแรงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยสามารถเล่นน้ำสงกรานต์ รวมถึงทำกิจกรรมกลางแจ้งอื่นๆ ได้อย่างมั่นใจ จึงควรเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสม และทาครีมกันแดดให้ครบทั้ง 5 ขั้นตอน โดยทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ขั้นต่ำที่ 50 (SPF 50) ค่าเอสพีเอฟ (Sun Protection Factor) จะเป็นข้อบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพในการป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตบี (UVB) ที่ส่งผลให้ผิวไหม้จากแดด หรืออาจจะรุนแรงถึงขั้นเกิดเป็นตุ่มน้ำใสๆ บริเวณผิว ซึ่งจะต้องทำการรักษาทางการแพทย์เท่านั้น โดยควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟ 50 ขึ้นไป
ทาครีมกันแดดที่มีค่า PA ระดับกลาง (PA+++) ค่าพีเอ (Protection grade of UVA) เป็นตัวบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพในการป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตบี (UVA) ซึ่งจะส่งผลให้ผิวแก่กว่าวัย ผิวเหี่ยวย่น รวมถึงมะเร็งผิวหนัง
ใช้ปริมาณครีมประมาณ 1 ข้อนิ้วมือ การทาครีมกันแดดบริเวณผิวหน้าและลำคอแต่ละครั้ง จะต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม หรือประมาณ 1 ข้อนิ้วมือ เพื่อให้เพียงพอกับพื้นที่ดังกล่าว จากนั้นจึงทำการแต้มครีมกันแดดเป็นจุดๆ เพื่อให้เนื้อครีมสามารถทำงานและซึมเข้าผิวได้อย่างประสิทธิภาพ
ทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง กรณีทำกิจกรรมกลางแจ้ง ครีมกันแดดโดยส่วนใหญ่ จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันแดดเพียงระยะหนึ่งเท่านั้น เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดด รวมถึงจุดด่างดำจากฝ้า กระแดด หรือการสะสมของเม็ดสีบนผิว ซึ่งในระยะยาวอาจจะก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้
ทาซ้ำทุกๆ 20 นาที กรณีต้องทำกิจกรรมเกี่ยวกับน้ำ ครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติกันน้ำ หรือ Water Resistant จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันแดด และคุณสมบัติป้องกันเนื้อครีมถูกชะล้างไปกับน้ำได้เพียง 20 นาทีเท่านั้น ทั้งจากการที่ทำกิจกรรมแล้วมีเหงื่อออก การดำน้ำ และการเล่นน้ำสงกรานต์ เป็นต้น ดังนั้น เพื่อให้ประชาชนสามารถเล่นน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์กับครอบครัวได้อย่างสนุกสนานและปลอดภัยจากแสงแดด
ข้อแนะนำดีๆ ทำเพียงเท่านี้ ผิวหนังเราก็สามารถสู้แดดได้อย่างสบายใจ แต่เราก็ไม่ควรมองข้ามการบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นและฟื้นฟูผิว เลือกรับประทานผักและผลไม้อุดมไปด้วยวิตามินซี เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และปรับผิวให้กระจ่างใส ควบคู่กับการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่เหมาะสมกับสภาพผิว