ครอบครัวของฟาเบียโน ปอมเปอี เปิดแผงขายหนังสือพิมพ์ใกล้ St. John Lateran Basilica ในกรุงโรมตั้งแต่ปี ค.ศ. 1948 ธุรกิจนี้เคยเฟื่องฟูดี แต่ยอดขายที่ตกลงยาวนาน ทำให้ปอมเปอีต้องปิดร้าน เหมือนเจ้าของแผงหนังสือพิมพ์อีกหลายพันแห่งทั่วอิตาลี
ปอมเปอี หนุ่มวัย 30 ปี บอกว่า “หากคุณขายได้น้อย หรือ ขาดทุน ก็ควรปิดดีกว่าเพื่อทำอะไรอย่างอื่น แม้ว่าจะปวดใจอยู่ข้างใน” เขาให้สัมภาษณ์เปิดใจจากร้านที่ประกาศขายกิจการ หลังจากเคยพยายามปรับเป็นร้านขายหนังสือเล็ก ๆ แต่ก็ไปไม่รอด
Snag ซึ่งเป็นสมาคมธุรกิจจำหน่ายหนังสือพิมพ์ ประเมินว่า แผงหนังสือพิมพ์ราว 2 ใน 3 ของอิตาลี ทยอยปิดตัวในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา จนเหลือราว 12,000 แห่งในขณะนี้ และหอการค้าอิตาลี เผยรายงานในเดือนมกราคมว่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มีแผงหนังสือพิมพ์ราว 2,700 แผงปิดตัวลง ลดลง 16% ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกรุงโรม ลดลง 21%
ปัญหาสำคัญของวิฤตนี้ คือ ยอดขายหนังสือพิมพ์ตกลง ทำให้รายได้ของร้านขายหนังสือพิมพ์หดหาย ในปี 2547 มียอดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ราว 9.54 ล้านฉบับต่อวันตามแผงขายหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ทั่วประเทศ แต่ในปี 2557 ลดลงเหลือ 2.6 ล้านฉบับ และตกฮวบเหลือเพียงประมาณ 950,000 ฉบับ ในเดือนมกราคม 2567
ในขณะที่บรรณาธิการหนังสือพิมพ์หวังกระตุ้นยอดขายเพื่อสร้างรายได้ด้วยการปรับสู่ออนไลน์เพื่อดึงดูดผู้อ่าน แต่เจ้าของแผงขายหนังสือพิมพ์ปรับตัวได้ยากกว่ามาก
สเตฟาโน ดี เปอร์ซิโอ มีแผงขายหนังสือพิมพ์ในใจกลางกรุงโรม ใกล้กับสำนักงานของ Il Messaggero หนังสือพิมพ์รายใหญ่ที่สุดของเมือง เขาเคยขายหนังสือพิมพ์หลายร้อยฉบับในแต่ละวัน แต่ปัจจุบันขายได้ไม่ถึง 50 ฉบับ
ร้านรูปทรงแปดเหลี่ยมสไตล์คลาสสิคของเขาต้องหาทางเพิ่มรายได้ด้วยการจำหน่ายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว เช่น แม่เหล็กติดตู้เย็น พัด และปฏิทิน ส่วนหนังสือพิมพ์เพียงไม่กี่ฉบับก็แทรกตัวอยู่มุมเล็ก ๆ ให้คนท้องถิ่นได้ซื้อหา
ส่วนร้านขายหนังสือพิมพ์ที่ดังที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงโรม ที่อยู่ใกล้กับทำเนียบนายกรัฐมนตรี เลือกลดต้นทุนเพื่อความอยู่รอดด้วยการเปลี่ยนเป็นตู้ขายหนังสือพิมพ์อัตโนมัติเมื่อเดือนมกราคม
ปัจจุบันรัฐบาลเสนอเงินอุดหนุนในปีนี้เป็นมูลค่าราว 2,000 ยูโร หรือราว 77,200 บาท เพื่อช่วยหล่อเลี้ยงธุรกิจแผงขายหนังสือพิมพ์ แต่เจ้าของร้านบางราย บอกว่า เงินจำนวนนี้เป็นได้แค่ยาทาบรรเทาปวดที่ช่วยได้ระยะสั้นเท่านั้น และไม่ได้แก้ปัญหาในระยะยาวได้เลย
ประชาชนหลายคนรู้สึกเสียดายกับการล้มหายไปของแผงขายหนังสือพิมพ์ และบอกเล่าถึงความรู้สึกผูกพันกับแผงขายหนังสือพิมพ์ว่า เป็นศูนย์รวมของชุมชน และสถานที่พบปะพูดคุยและวิจารณ์การเมือง ฟุตบอล และราคาสินค้าแพง เป็นต้น
ขณะที่ชายคนหนึ่ง ยอมรับว่า เคยซื้อหนังสือพิมพ์อ่าน แต่ตอนนี้เขาอ่านทุกอย่างออนไลน์แล้ว