กองทัพ เปิดเผยด้วยว่า ปฏิบัติการพิเศษช่วยเหลือตัวประกันเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 1.49 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยเป็นปฏิบัติการร่วมกันระหว่างกองทัพ, ชินเบต ซึ่งเป็นหน่วยงานความมั่นคงในประเทศ และตำรวจ และบุกเข้าไปช่วยทั้ง 2 คนจากชั้น 2 ของอะพาร์ตเมนต์หลังหนึ่ง โดยมีการยิงสังหารนักรบ 3 คนที่เฝ้าตัวประกัน
ตัวประกันได้รับการลำเลียงด้วยเฮลิคอปเตอร์ออกจากฉนวนกาซา ทั้งสองคนมีสุขภาพแข็งแรงดี และได้พบหน้ากับครอบครัวที่เดินทางไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลแล้ว นอกจากนี้รัฐบาลอาร์เจนตินาขอบคุณที่อิสราเอลช่วยเหลือตัวประกันดังกล่าว ซึ่งถือ 2 สัญชาติ ได้แก่ อาร์เจนตินาและอิสราเอล
ปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกันมีขึ้นก่อนที่เมืองราฟาห์ถูกโจมตีทางอากาศอย่างหนักช่วงข้ามคืน และกระทรวงสาธารณสุขของกาซา รายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 67 รายจากการโจมตีดังกล่าว และตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจสูงขึ้น เนื่องจากยังมีอีกหลายคนติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง และประชาชนในราฟาห์ บอกว่า มัสยิด 2 หลัง และบ้านเรือนกว่าสิบหลังได้รับความเสียหายจากการโจมตีหลายชั่วโมงโดยเครื่องบินรบ รถถัง และเรือของกองทัพอิสราเอล
กองทัพอิสราเอลยืนยันการโจมตีเป้าหมายในเขตชาบูราในเมืองราฟาห์ แต่ฮามาสประณามการโจมตีดังกล่าวว่าเป็นความพยายามบังคับให้ประชาชนละทิ้งถิ่นฐาน และเป็นการสังหารหมู่ที่น่าสะเทือนขวัญ พร้อมทั้งกล่าวโทษว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องรับผิดขอบทั้งหมดสำหรับการเสียชีวิตของพลเรือน
ขณะที่หลายชาติส่งคำเตือนให้อิสราเอลล้มเลิกแผนบุกเมืองราฟาห์ ที่อยู่ติดกับพรมแดนอียิปต์ และมีผู้อพยพปาเลสไตน์หลายแสนคนที่หนีการสู้รบมาจากพื้นที่อื่นและอาศัยอยู่อย่างแออัดในเมืองนี้ ฮามาสเตือนด้วยว่า หากอิสราเอลส่งทหารบุกราฟาห์ จะเป็นการทำลายโอกาสเจรจาปล่อยตัวประกัน แต่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ยืนยันเดินหน้าแผนบุกราฟาห์เพื่อกำจัดฮามาสที่เหลืออยู่ และให้คำมั่นเปิดเส้นทางปลอดภัยเพื่อการอพยพพลเรือน