ชาวต่างชาติสุดทน ถูกเลือกปฏิบัติในญี่ปุ่น ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย

ชายต่างชาติที่ทำงานและอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย 3 คน ฟ้องร้องหน่วยงานของรัฐบาลญี่ปุ่น จากการที่พวกถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม โดยมีอคติทางเชื้อชาติ ซึ่งพวกเขาเปิดเผยว่า พวกเขามักถูกตำรวจเรียกค้นตัวและตรวจสอบเอกสารบ่อยครั้ง จนเกิดความเครียด ซึ่งพวกเขาบอกว่าตำรวจญี่ปุ่นมีอคติทางเชื้อชาติ และตัดสินพวกเขาจากรูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งตำรวจญี่ปุ่น มีความเชื่อที่ว่าชาวต่างชาติทุกคน คือ “อาชญากร”

ผู้เสียหายทั้ง 3 คน เรียกร้องค่าเสียหายคนละ 3 ล้านเยน หรือประมาณ 720,000 บาท เพื่อเป็นค่าเยียวยาจิตใจ ซึ่งนี่นับเป็นครั้งแรกที่มีการฟ้องร้องลักษณะนี้เกิดขึ้นในญี่ปุ่น

ไซเอ็ด ซาอิน ชายชาวปากีสถาน วัย 26 ปี ที่มาเรียนหนังสือในญี่ปุ่นตั้งแต่อายุ 6 ขวบ หลังจากนั้นได้ทำงานในญี่ปุ่นต่อ ซึ่งเขาอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นนานกว่า 20 ปีแล้ว และพูดภาษาญี่ปุ่นได้คล่องแคล่ว ได้เปิดเผยในการแถลงข่าวว่า เขาถูกตำรวจเรียกค้นตัว และตรวจเอกสารอยู่เป็นประจำ ซึ่งเขามองว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติ และตำรวจญี่ปุ่นต้องทบทวนตัวเองว่ามีอคติทางเชื้อชาติหรือไม่

แมทธิว ชาวต่างชาติเชื้อสายอินเดีย ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ที่ญี่ปุ่นอย่างถาวร เปิดเผยว่า ตั้งแต่ที่เขาย้ายมาอยู่ที่ญี่ปุ่นเมื่อปี 2002 จนถึงตอนนี้ เขาถูกตำรวจญี่ปุ่นเรียกค้นตัวมากกว่า 70 ครั้ง จนเขาเกิดความเครียดทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก และไม่กล้าที่จะออกไปไหน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ

ผู้เสียหายอีกหนึ่งคนคือ มอริซ เป็นชาวอเมริกันผิวดำ ซึ่งได้รับอนุญาตให้อาศัยที่ญี่ปุ่นอย่างถาวร เปิดเผยว่า นอกจากจะถูกตำรวจเรียกค้นตัวบ่อยครั้งแล้ว เขายังถูกคนญี่ปุ่นทั่วไปกล่าวหาว่าเขาลักลอบเข้าประเทศหรือแอบทำงานในญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมายอยู่เป็นประจำ

ชายทั้งสามคน ได้ฟ้องร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่น สำนักงานกรุงโตเกียว และสำนักงานจังหวัดไอจิ ซึ่งพวกเขาบอกว่า ถึงพวกเขาจะไม่ชนะในการฟ้องร้องครั้งนี้ แต่อย่างน้อย ทุกคนจะได้รับรู้ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในญี่ปุ่น และช่วยกันหาทางแก้ไข ให้การเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติหมดไปจากญี่ปุ่น

แม้ภายนอกสังคมญี่ปุ่นจะเป็นระเบียบเรียบร้อย และชาวญี่ปุ่นดูเป็นคนที่สุภาพ แต่ชาวต่างชาติจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว นักเรียนต่างชาติ หรือคนต่างชาติที่ทำงานในญี่ปุ่น เปิดเผยว่า การเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในญี่ปุ่น และชาวญี่ปุ่นยังไม่ยอมรับให้ชาวต่างชาติเป็นส่วนหนึ่งในสังคมของตัวเอง