จีนย้ำความร่วมมือกับอาเซียน-ต้านสงครามเย็นครั้งใหม่

นายกรัฐนตรีหลี่ เฉียง ของจีน พบปะกับผู้นำอาเซียนในการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ที่กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซียในวันพุธ (6 สิงหาคม) ว่า เหตุผลสำคัญที่จีนและอาเซียนประสบผลสำเร็จด้านความร่วมมืออย่างวันนี้ เป็นเพราะทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจลึกซึ้งถึงความยากลำบาก มุ่งแสวงสันติภาพอย่างไม่หยุดยั้ง และมีแรงบันดาลใจเพื่อการพัฒนา รวมถึงดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค

นอกจากนี้เขากล่าวด้วยว่า “ตราบใดที่เราเดินในเส้นทางที่ถูกต้อง ไม่ว่าพายุลูกไหนจะพัดมา ความร่วมมือระหว่างจีนและอาเซียนจะแน่นแฟ้นกว่าที่เคยเป็นมา และเดินหน้าฝ่าฟันทุกอุปสรรคทั้งหมดได้”

ผู้นำจีน ยังบอกด้วยว่า จีนและอาเซียนควรร่วมมือกันสร้างศูนย์กลางการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพิ่มความเชื่อมโยงระหว่างประเทศ และเพิ่มความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมและซัพพลายเชน เพื่อสร้างประชาคมจีน-อาเซียน ที่มีอนาคตร่วมกัน 

การพบกันของผู้นำจีนและอาเซียนมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากจีนเผยแผนที่มาตรฐานฉบับใหม่ ที่มีการขยายเส้นอาณาเขตทะเลจีนใต้ที่จีนอ้างกรรมสิทธิ์กว้างมากขึ้น ทำให้เผชิญการประท้วงจากทั้งฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และเวียดนาม ที่อ้างกรรมสิทธิ์ในทะเลจีนใต้ด้วยเช่นกัน

ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ของฟิลิปปินส์ กล่าวในการประชุมผู้นำอาเซียนเมื่อวันอังคารว่า แม้ไม่ต้องการสร้างความขัดแย้ง แต่เป็นหน้าที่ของพลเมืองและในฐานะผู้นำประเทศ ที่จะต้องยืนหยัดเผชิญหน้ากับความท้าทายใด ๆ ต่ออธิปไตย สิทธิอธิปไตย และเขตอำนาจรัฐทางทะเลในทะเลจีนใต้

และถ้อยแถลงของเขาระหว่างการประชุมอาเซียนกับจีนในวันพุธ ย้ำว่า ต้องเคารพอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล และยืนยันยึดมั่นปฏิบัติตามหลักนิติธรรม และการแก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธี  แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนถึงทะเลจีนใต้  

นอกจากประเด็นทะเลจีนใต้แล้ว อาเซียนยังมีความกังวลต่อความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน และการแย่งชิงอิทธิพลของสองมหาอำนาจในภูมิภาคนี้

นายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุง ของสิงคโปร์ กล่าวในการประชุมอาเซียน-จีนด้วย ว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังจับตาแนวโน้มความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนด้วยความกังวลอย่างยิ่ง และเรียกร้องว่า จีนและสหรัฐฯ ควรเจรจากันต่อไป สร้างความไว้วางใจทางยุทธศาสตร์ในทุกระดับ และเพิ่มความร่วมมือระหว่างกัน รวมทั้งทั้งสองชาติควรแสดงความเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหามากมายของโลกที่ส่งผลกระทบต่อทุกฝ่าย

และนายกรัฐมนตรีของจีน กล่าวในการประชุมอาเซียนบวกสาม ที่มีชาติอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ร่วมหารือในวันพุธว่า ความเห็นต่างและข้อพิพาทระหว่างประเทศอาจเพิ่มขึ้นเนื่องจากความเข้าใจผิด ผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน หรือ การแทรกแซงจากภายนอก พร้อมกับย้ำว่า เพื่อควบคุมความแตกต่าง จึงจำเป็นต้องคัดค้านการเลือกข้าง คัดค้านการเผชิญหน้าของกลุ่มอำนาจ และคัดค้านสงครามเย็นครั้งใหม่ และความขัดแย้งและข้อพิพาทระหว่างประเทศควรได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม

ก่อนหน้านั้นเขากล่าวเมื่อเดินทางถึงจาการ์ตาเมื่อวันอังคารด้วยว่า จีนยังคงสนับสนุนจุดยืนเป็นกลางของอาเซียนในด้านความร่วมมือระดับภูมิภาคและบทบาทที่เพิ่มขึ้นของอาเซียนในกิจการระหว่างประเทศ

และประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซียกล่าวในพิธีเปิดการประชุมผู้นำอาเซียนเมื่อวันอังคารว่า อาเซียนเห็นพ้องกันว่า จะไม่เป็นตัวแทนของมหาอำนาจใด และจะไม่ปล่อยให้อาเซียนเป็นสนามประลองของการแข่งขันที่ทำลายล้าง