
ประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด บาซูม ของไนเจอร์ ที่ถูกทหารหน่วยอารักขาประธานาธิบดีจับตัวและยึดอำนาจบริหารประเทศเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ฉบับวันพฤหัสบดีระบุว่า “การรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลของเขาที่โดยฝีมือทหารส่วนหนึ่งเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม เป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลสนับสนุน” และเตือนด้วยว่า “หาก (การรัฐประหาร) ประสบความสำเร็จ จะส่งผลลัพธ์ร้ายแรงทั้งต่อประเทศของเรา ภูมิภาคของเรา และทั้งโลก”
นอกจากนี้เขาเรียกร้องให้สหรัฐฯ และประชาคมโลก ช่วยเหลือไนเจอร์ในการฟื้นคืนการปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญ พร้อมกับเตือนเรื่องอิทธิพลของรัสเซียในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก
บาซูม ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำในชาติแอฟริกาเพียงไม่กี่ประเทศที่สนับสนุนชาติตะวันตก บอกว่า ไนเจอร์เป็นความหวังของภูมิภาคที่กำลังถูกครอบงำจากกลุ่มสุดโต่งหัวรุนแรง และเป็นป้อมปราการสุดท้ายในภูมิภาคซาเฮล ที่ยังยึดมั่นเคารพสิทธิมนุษยชน ท่ามกลางการเคลื่อนไหวของพวกเผด็จการ ที่เข้ายึดอำนาจในชาติเพื่อนบ้านบางประเทศ
ภูมิภาคซาเฮลของทวีปแอฟริกาเป็นพื้นที่ระหว่างทะเลทรายซาฮาราทางภาคเหนือและทุ่งหญ้าสะวันนาทางภาคใต้
บาซูมเตือนว่า ทั้งภูมิภาคซาเฮลอาจตกอยู่ใต้อิทธิพลของรัสเซียผ่านนักรบรับจ้างกลุ่ม แวกเนอร์ ที่ก่อการร้ายอย่างรุนแรงเป็นที่ประจักษ์ในยูเครน
ไนเจอร์ได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสในปี 2503 เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนที่ไว้ใจได้ของชาติตะวันตกในการต่อสู้กับกลุ่มสุดโต่งในภูมิภาคซาเฮล และเป็นประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ มากที่สุดในภูมิภาคนี้ โดยได้รับความช่วยเหลือรวม 500 ล้านดอลลาร์นับจากปี 2555 และไนเจอร์ยังมีทหารจากชาติตะวันตกกว่า 2,000 นายประจำการ ส่วนใหญ่มาจากสหรัฐฯ และฝรั่งเศส
บาซูมได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2564 ในกระบวนการถ่ายอำนาจอย่างสันติเป็นครั้งแรกในไนเจอร์ นับตั้งแต่ได้รับเอกราช
และหลังการโค่นล้มบาซูม มีประชาชนที่สนับสนุนรัฐประหารออกมาประท้วงเพื่อระบายความโกรธแค้นต่อฝรั่งเศส ที่เป็นอดีตเจ้าอาณานิคมถึงขั้นเผาสถานทูต ส่งผลให้ฝรั่งเศสและชาติยุโรปบางแห่งอพยพพลเมืองออกจากไนเจอร์แล้ว
เมื่อวันพฤหัสบดีประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์เนื่องในวันชาติของไนเจอร์ โดยเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวประธานาธิบดีบาซูมทันที
ขณะที่บรรดาผู้บัญชาการทหารของชาติแอฟริกาตะวันตกประชุมร่วมกันที่ไนจีเรียเมื่อวันพุธ เพื่อหารือเกี่ยวกับปฏิบัติการแทรกแซงทางทหารในไนเจอร์ ซึ่งพวกเขายืนยันว่า จะเป็นทางเลือกสุดท้าย แต่พลเอก อับดูราฮามาเน ชิอานี อดีตหัวหน้าหน่วยอารักขาประธานาธิบดี ที่ก่อรัฐประหารและตั้งตัวเป็นประธานาธิบดี ประกาศกร้าวจะไม่ยอมตามคำข่มขู่ การคว่ำบาตร และการแทรกแซงใด ๆ จากภายนอก
นอกจากนี้รัฐบาลทหารไนเจอร์ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี ยกเลิกความร่วมมือทางทหารกับฝรั่งเศส ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อความพยายามของชาติตะวันตกในการปราบรามกลุ่มติดอาวุธมุสลิมในภูมิภาค ที่มีไนเจอร์เป็นพันธมิตรสำคัญ
ในวันเดียวกันผู้สนับสนุนการรัฐประหารออกมาเดินชบวนเพื่อต่อต้านการคว่ำบาตรของประชาคมเศรษฐกิจแห่งรัฐแอฟริกาตะวันตก (ECOWAS)