“มาครง” ต้อนรับ “โมดี” ยิ่งใหญ่ ร่วมชมสวนสนามวันชาติฝรั่งเศส

นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดีย ซึ่งเริ่มเยือนกรุงปารีสของฝรั่งเศสเมื่อวันพฤหัสบดี ได้รับเกียรติให้ร่วมชมพิธีสวนสนามฉลองวันชาติฝรั่งเศสเคียงข้างประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ที่ถนนฌ็องเซลิเซ เมื่อวันศุกร์ (14 กรกฎาคม 2566) โดยมีทหารอินเดียเข้าร่วมการเดินสวนสนาม นอกจากนี้เครื่องบินขับไล่ ราฟาล ที่ผลิตโดยฝรั่งเศส และอินเดียซื้อในปี 2548 เข้าร่วมบินโชว์เหนือประตูชัยในพิธีสวนสนามด้วย 
วันชาติฝรั่งเศส หรือ วันบัสตีย์ เป็นวันรำลึกการทลายคุกบัสตีย์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2332 ที่นำไปสู่การปฏิวัติสู่ระบอบสาธารณรัฐ และประธานาธิบดีมาครงเชิญผู้นำโลกเพียงไม่กี่คนเข้าร่วมชมพิธีสวนสนามวันชาติ ที่จัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพ โดยก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเชิญร่วมชมพิธีสวนสนามวันชาติปี 2560 

นอกจากนี้ประธานาธิบดีมาครงและนายกรัฐมนตรีโมดี แถลงข่าวร่วมกันที่ทำเนียบประธานาธิบดี โดยมาครง กล่าวว่า ฝรั่งเศสจะยังคงเสริมสร้างความสัมพันธ์ประวัติศาสตร์ของความไว้วางใจระหว่างสองประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อรับมือกับวิกฤตระหว่างประเทศ และความท้าทายใหญ่ ๆ ของโลก และบอกด้วยว่า ทั้งสองคนมีความกังวลร่วมกันเกี่ยวกับความเสี่ยงของความแตกแยกในประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในสถานการณ์สงครามที่รัสเซียก่อขึ้นในยูเครน และมีเป้าหมายร่วมกันในการแสวงหาสันติภาพอย่างยั่งยืน และตอบสนองต่อผลกระทบจากสงครามต่อประเทศเปราะบางที่สุด โดยเฉพาะในแง่ความมั่นคงทางอาหารและความสามารถทางการเงิน

มาครงยังบอกด้วยว่า ในโอกาสครบรอบ 25 ปีของความสัมพันธ์ในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในปีนี้ ฝรั่งคาดหวังที่จะวางโรดแมปส่งเสริมความสัมพันธ์สำหรับ 25 ปีข้างหน้าและโมดี กล่าวด้วยว่า อินเดียจะเปิดสถานกงสุลแห่งใหม่ในเมืองมาร์กเซย เพื่อช่วยออกวีซ่าระยะยาวให้กับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในฝรั่งเศส

นอกจากนี้ในวันเดียวกันผู้นำทั้งสองยังได้พบปะกับเหล่าซีอีโอจากบริษัทยักษ์ใหญ่ของอินดียที่กระทรวงต่างประเทศ ก่อนเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำแบบรัฐพิธีที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในช่วงค่ำ 

ก่อนหน้านั้นในวันพฤหัสบดี โมดีได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์ เลฌียงดอเนอร์ Legion of Honour ซึ่งเป็นเครื่องอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดของฝรั่งเศส จากประธานาธิบดีมาครง ซึ่งกล่าวยกย่องว่า อินเดียเป็นยักษ์ใหญ่ในประวัติศาสตร์โลก ที่จะมีบทบาทสำคัญในอนาคต และอินเดียยังเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์และเพื่อนของฝรั่งเศส  

และในวันเดียวกันกระทรวงกลาโหมอินเดียประกาศอนุมัติเบื้องต้นที่จะจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ราฟาลอีก 26 ลำ และเรือดำน้ำชั้น สกอร์ปีน 3 ลำ จากฝรั่งเศส ซึ่งแหล่งข่าวคาดว่า การจัดซื้อครั้งนี้อาจมีมูลค่าถึง 9,750 ล้านดอลลาร์

ข้อตกลงนี้นับเป็นการกระชับความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสองประเทศในช่วงเวลาที่ต้องการแสวงหาพันธมิตรในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในชาติหุ้นส่วนใกล้ชิดที่สุดของอินเดียในยุโรปมานานหลายสิบปี โดยเป็นชาติตะวันตกเพียงชาติเดียว ที่ไม่บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออินเดีย หลังการทดสอบนิวเคลียร์ในปี 2524