สถานีโทรทัศน์ MRTV ของทางการ รายงานเมื่อวันจันทร์โดยแพร่ภาพพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบภัยพายุในเมืองซิตตเว รัฐยะไข่ ทางภาคตะวันตกของประเทศ เพื่อประเมินความเสียหายและบริจาคสิ่งของช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย หลังจากพายุไซโคลน “โมคา” พัดขึ้นฝั่งที่รัฐยะไข่เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ด้วยความเร็วลม 209 กม./ชม.
นอกจากนี้ MRTV ยังแพร่ภาพกองทัพเตรียมจัดสิ่งของบรรเทาทุกข์เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยตามคำสั่งของพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย และรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย ผู้บาดเจ็บ 13 ราย และอาคารกว่า 1,000 หลัง ได้รับความเสียหาย
และสถานีโทรทัศน์เมียวดีของกองทัพเมียนมา รายงานว่า บ้านเรือนกว่า 850 หลัง โรงเรียน 64 แห่ง และสถานพยาบาล 14 แห่ง และหอส่งสัญญาณโทรคมนาคม 7 แห่ง พังย่อยยับหรือได้รับความเสียหายจากพายุ
นอกจากนี้ในคืนวันจันทร์ รัฐบาลทหารเมียนมาประกาศให้รัฐยะไข่เป็นเขตภัยพิบัติ หลังได้รับความเสียหายในวงกว้างจากพายุ
ขณะที่สื่อต่างชาติ รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 41 ราย และผู้สูญหายอีกหลายสิบรายในรัฐยะไข่ และองค์กรด้านมนุษยธรรม Partners Relief and Development ที่ทำงานในรัฐยะไข่ เปิดเผยว่า ชาวโรฮิงญาที่อาศัยใกล้เมืองซิตตเว บอกว่า ค่ายผู้อพยพของพวกเขาเสียหายย่อยยับ และมีกระแสข่าวว่า มีผู้เสียชีวิตมากถึงหลายร้อยคน นอกจากนี้ นักเคลื่อนไหวชาวโรฮิงญา ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ทวีตว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในเมืองซิตตเวแห่งเดียวสูงถึง 400 ราย แต่ไม่ให้รายละเอียด
ขณะเดียวกันค่ายผู้อพยพโรฮิงญาในเขตค็อกซ์ บาซาร์ ของบังกลาเทศได้รับความเสียหายจากพายุ “โมคา” แม้ว่าพายุไม่ได้พัดขึ้นฝั่งในเขตนี้โดยตรงอย่างที่วิตก เต็นท์และเพิงพักอาศัยที่สร้างจากไม้ไผ่ได้รับความเสียหาย
ชาวโรฮิงญาราว 1 ล้านคน อาศัยอยู่ในค่ายผู้อพยพในเขตค็อกซ์ บาซาร์ ที่เชื่อว่า เป็นค่ายผู้อพยพที่ใหญ่ที่สุดของโลก หลังจากพวกเขาหลบหนีการกวาดล้างของกองทัพเมียนมาในปี 2560