หน่วยกู้ภัยในเมียนมาอพยพประชาชนเกือบ 1,000 คน ที่ติดอยู่ในพื้นที่ประสบภัยคลื่นสูง 3.6 เมตร ตลอดชายฝั่งภาคตะวันตก หลังพายุไซโคลน “โมคา” พัดขึ้นฝั่งใกล้เมืองซิตตเว รัฐยะไข่ด้วยความเร็วลม 209 กม./ชม. เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ ทำให้เกิดลมกระโชกแรงและฝนตกหนัก บ้านเรือนได้รับความเสียหาย และเสาไฟฟ้าและต้นไม้หักโค่น รัฐบาลทหารต้องประกาศเขตภัยพิบัติใน 17 เขตทั่วรัฐยะไข่
จนถึงขณะนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย และมีผู้บาดเจ็บมากกว่า 700 คน จากประชาชนเกือบ 20,000 คน ซึ่งอาศัยในที่พักซึ่งแข็งแรงกว่าในพื้นที่ราบสูงของเมืองซิตตเว เช่น วัด เจดีย์ และโรงเรียน ชาวบ้านต้องอพยพหนีน้ำท่วมขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้านและพื้นที่สูง ขณะที่ลมแรงและสตอร์มเซิร์จเป็นอุปสรรคสำคัญต่อภารกิจกู้ภัย
และในเช้าวันนี้ยังคงมีน้ำท่วมสูงเกือบ 1.5 เมตร แต่กระแสลมลดความรุนแรง และท้องฟ้าโปร่งใส เอื้ออำนวยต่อปฏิบัติการกู้ภัย นอกจากนี้พายุอ่อนกำลังลงแล้ว
ขณะเดียวกันในบังกลาเทศได้รับผลกระทบจากพายุ “โมคา” ด้วย แม้รอดพ้นจากความเสี่ยงที่พายุจะพัดขึ้นฝั่งในบริเวณค่ายผู้อพยพโรฮิงญาในเขตค็อกซ์บาซาร์ ใกล้ชายแดนเมียนมา เพิงพักอาศัยของผู้อพยพโรฮิงญากว่า 1,300 หลัง มัสยิดและศูนย์การเรียน 16 แห่งได้รับความเสียหายจากพายุ ต้นไม้พักโค่นใส่เต็นท์ที่พักผู้อพยพ และเกิดดินถล่ม
ก่อนหน้านั้นทางการบังกลาเทศได้อพยพประชาชน 750,000 คน ในพื้นที่เสี่ยงล่วงหน้า เมื่อพยากรณ์อากาศเตือนว่า พายุไซโคลนโมคา อาจเป็นพายุรุนแรงที่สุดเท่าที่จะพัดปกคลุมบังกลาเทศในรอบเกือบ 20 ปี