U Tay Za ซึ่งถูกสหรัฐคว่ำบาตรไปแล้ว ได้จัดเตรียมเที่ยวบินเป็นการส่วนตัวให้ครูบาบุญชุ่ม เดินทางจากเมืองมัณฑะเลย์ ไปยังเมืองปูตาโอ ในรัฐกะฉิ่น เมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่ง U Tay Za ก็ได้ร่วมเดินทางด้วย ปูตาโอเป็นเมืองทางเหนือสุดของเมียนมา ได้ชื่อว่ามีทัศนียภาพงดงามเพราะติดกับเทือกเขาหิมาลัย
ระหว่างการเดินทางครั้งนี้ ครูบาบุญชุ่มได้ใช้เวลาสองสามวัน อยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง บริเวณเชิงเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เพื่อนั่งวิปัสนากรรมฐาน ก่อให้เกิดความวิตกในกลุ่มชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวคริสต์ ว่า ครูบาบุญชุ่มอาจสร้างเจดีย์ขึ้นในหมู่บ้านของพวกเขา
จากนั้น ทั้งสองคนก็ได้เดินทางกลับโดยเฮลิคอปเตอร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อต้นทศวรรษที่ 2010 U Tay Za ก็เคยรอดชีวิตมาได้จากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในพื้นที่นี้
พระ U Thukha Meinda ซึ่งได้ร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ด้วย เขียนลงในเฟสบุ๊กว่า U Tay Za ได้ว่าจ้างนักบินชาวเนปาล คิดเป็นเงินถึง 1,200 ดอลลาร์ต่อวัน หรือประมาณ 4 หมื่นบาท มาช่วยขับเฮลิคอปเตอร์ให้ ซึ่งนักบินคนนี้ เคยประสบความสำเร็จในการบังคับเครื่องลงจอดที่ยอดเขาเอเวอเรสต์มาแล้ว ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก ข้อความในเฟสบุ๊ก ยังเรียกขาน U Tay Za ว่า ท่านมหา Tay Za เพื่อแสดงความยกย่อง
ครูบาบุญชุ่มได้เข้าพักที่โรงแรมของ U Tay Za นอกเมืองปูตาโอ ระหว่างการเยือนรัฐกะฉิ่น โรงแรมแห่งนี้มีชื่อว่า Malikha Lodge เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ที่มีความสวยงามหรูหรา มักถูกใช้เป็นสถานที่รับรองบรรดานายพล ประธานาธิบดี และมิตรสหายของคนกลุ่มนี้ ในเมืองปูตาโอ อองซาน ซูจี ก็เคยพำนักที่นี่ในปี 2015 และ 2019
อีกคนที่ร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ด้วย คือ U Khin Maung Aye ประธานธนาคาร CB Bank ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะที่ผ่านมา มักมีบรรดานักธุรกิจรายใหญ่และนายพลในเมียนมา เข้าพบครูบาบุญชุ่มเพื่อขอพร
ลูกศิษย์ของครูบาบุญชุ่มในเมียนมา ล้วนแต่เป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียง เช่น พลเอกขิ่นยุ้นต์ อดีตนายกรัฐมนตรีเมียนมา ซึ่งก่อนที่เขาจะลงจากตำแหน่ง ก็ได้บริจาคเงินจำนวนมากให้ครูบาบุญชุ่ม เมื่อปี 2018 ครูบาบุญชุ่ม ยังได้เดินทางไปเยี่ยมพลเอกอาวุโส หม่องเอ ซึ่งครั้งหนึ่ง เคยก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเบอร์สองในกองทัพเมียนมา
สำหรับประวัติของ U Tay Za นั้น เขาเป็นผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท Htoo Group เคยอยู่ที่สิงคโปร์นานหลายปี และมีสายสัมพันธ์แนบชิดกับรัฐบาลทหารเมียนมาทั้งในอดีตและปัจจุบัน ในช่วงทศวรรษที่ 2000 ซึ่งเวลานั้น เมียนมายังตกอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหาร U Tay Za ได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับธุรกิจค้าไม้สัก ขนส่ง การท่องเที่ยว การก่อสร้าง การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การผลิตน้ำมันปาล์ม และการค้าอาวุธกับรัฐบาลทหารเมียนมา
แต่จุดตั้งต้นที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ ก็คือธุรกิจไม้สัก และหลังจากนั้น เขาก็ได้ขยายอาณาจักรเชื่อมโยงกับสภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ เป็นองค์กรปกครองสูงสุดของเมียนมาในปัจจุบัน อยู่ภายใต้การนำของทหาร โดยการจัดหาชิ้นส่วนเครื่องบินให้กับกองทัพ ผ่านบริษัทที่เขาจัดตั้งขึ้น Myanmar Avia Export เป็นตัวแทนเพียงรายเดียวของเมียนมา ที่ได้ติดต่อซื้อขายอาวุธกับกลุ่มอุตสาหกรรมทหารเพื่อการส่งออกของรัสเซีย และ Rostvertol ผู้ผลิตเฮลคอปเตอร์สัญชาติรัสเซีย
U Tay Za เก็บตัวเงียบในช่วงที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของนางอองซาน ซูจี ขึ้นมามีอำนาจในเมียนมา แต่หลังจากการรัฐประหารเมื่อปี 2021 เขาก็ปรากฎตัวต่อสื่ออีกครั้ง โดยเข้าร่วมกับตัวแทนระดับสูงของกองทัพ เดินทางไปยังกรุงมอสโกว์ ของรัสเซีย เมื่อกลางปีที่แล้ว ( 2022 ) เพื่อติดต่อซื้อขายอาวุธยุทโธปกรณ์
ปัจจุบัน รัฐบาลทหารเมียนมาอนุญาตให้บริษัท Htoo Group ของเขา ได้สิทธิ์นำเข้าน้ำมันปาล์ม คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 5 ล้าน 4 แสนดอลลาร์ต่อเดือน หรือประมาณ 2 ร้อยล้านบาท แต่เมื่อปีที่แล้ว เขาถูกสหรัฐคว่ำบาตร ฐานจัดหาอาวุธให้รัฐบาลทหารเมียนมา ส่วนบริษัท Htoo Group ขณะนี้ก็อยู่ภายใต้การบริหารงานของลูกชายสองคน ซึ่งก็ถูกหมายหัวคว่ำบาตรจากสหรัฐเช่นกัน ขณะที่ลูกสาวถูกสหรัฐคว่ำบาตรไปแล้วเมื่อเดือนมกราคมปีนี้