กองทัพซูดานภายใต้การนำของนายพลอับเดล ฟัตตาห์ อัล-เบอร์ฮาน ผู้นำซูดาน และกองกำลังกึ่งทหาร Rapid Support Forces (RSF) ภายใต้การนำของนายพลโมฮัมเหม็ด ฮัมดาน ดากาโล รองผู้นำ ตกลงหยุดยิงนาน 24 ชม. ที่กำหนดเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 18.00 น. ของวันอังคาร (18 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 23.00 น. ตามเวลาไทย เพื่อรับประกันความปลอดภัยแก่การเดินทางของพลเรือนและการอพยพผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่สู้รบ
การตกลงหยุดยิงมีขึ้นหลังได้รับแรงกดดันจากแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่แยกโทรศัพท์หารือกับผู้นำทหารทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อเรียกร้องให้มีการหยุดยิง หลังจากการสู้รบในกรุงคาร์ทูมยังคงดุเดือด และมีการพุ่งเป้าโจมตีขบวนรถของนักการทูตและเจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรม ซึ่งบลิงเคน ยืนยันว่า มีการยิงใส่ขบวนรถนักการทูตของสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์
นอกจากนี้โวล์กเกอร์ เพอร์เทส ทูตพิเศษสหประชาชาติ เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 185 ราย และผู้บาดเจ็บมากกว่า 1,800 ราย จากการสู้รบนาน 3 วัน นับตั้งแต่เริ่มขึ้นเมื่อวันเสาร์ แต่คาดว่า ตัวเลขจะสูงขึ้นอีกมาก เพราะยังมีศพจำนวนมากเรียงรายอยู่บนถนนในกรุงคาร์ทูม แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายออกมาได้ เพราะยังมีการต่อสู้กันอย่างหนักหน่วง
ทหาร 2 ฝ่าย ยังคงปะทะกันในใจกลางเมืองของกรุงคาร์ทูมในวันอังคาร และเครื่องบินขับไล่ของกองทัพยังทิ้งระเบิดโจมตีฐานที่มั่นของ RSF ยิ่งกว่านั้นยังมีการปะทะใกล้ทำเนียบประธานาธิบดและอีกบางพื้นที่ แม้เหลือเวลาอีกเพียง 90 นาที ก่อนถึงกำหนดการหยุดยิง
กาชาดและองค์การอนามัยโลกเรียกร้องให้สองฝ่ายหยุดยิงเพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนในพื้นที่ ขณะที่โรงพยาบาลมากถึง 16 แห่ง ในเมืองไม่สามารถให้บริการได้ เพราะการสู้รบทำให้บุคลากรการแพทย์และรถพยาบาลไม่สามารถไปถึงสถานพยาบาลได้
นอกจากนี้มีรายงานว่า นักศึกษาและบุคลากรหลายสิบคนติดค้างอยู่ภายในมหาวิทยาลัยคาร์ทูมนาน 3 วันแล้ว หลังมีการยิงโจมตีในพื้นที่ใกล้เคียงรอบมหาวิทยาลัย และชาวบ้านกำลังประสบปัญหาขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม และไม่มีไฟฟ้าใช้
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามแย่งชิงอำนาจระหว่างกองทัพ และ RSF โดยสองฝ่ายมีความเห็นขัดแย้งกันเกี่ยวกับแนวทางการเปลี่ยนผ่านอำนาจ ภายหลังการรัฐประหารโค่นล้มผู้นำเผด็จการ โอมาร์ อัล-บาชีร์ ในปี 2562