svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

สู้รบในซูดานยืดเยื้อวันที่ 3 ดับเฉียดร้อย เจ็บทะลุพัน

การสู้รบระหว่างกองทัพและกองกำลังกึ่งทหารเพื่อแย่งชิงอำนาจภายในซูดานยืดเยื้อเป็นวันที่ 3 ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 100 ราย และผู้บาดเจ็บเกิน 1,000 ราย สร้างความกังวลแก่นานาชาติและองค์การระหว่างประเทศ

สู้รบในซูดานยืดเยื้อวันที่ 3 ดับเฉียดร้อย เจ็บทะลุพัน

การสู้รบระหว่างกองทัพและกองกำลังกึ่งทหาร Rapid Support Forces (RSF) ปะทุขึ้นเมื่อวันเสาร์ โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายในกรุงคาร์ทูม เมืองหลวง ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการทหารและทำเนียบประธานาธิบดี และยังมีรายงานการปะทะกันในเมืองพอร์ตซูดานทางภาคตะวันออก และแคว้นดาร์ฟูร์ในภาคตะวันตกด้วย

และในเช้าวันจันทร์ยังมีเสียงปืนครกและปืนใหญ่ดังสนั่น ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า มีการโจมตีทางอากาศเพิ่มขึ้นรอบสนามบินในคาร์ทูม และค่ายทหารบางแห่ง

ขณะที่มีรายงานว่า จนถึงวันจันทร์มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 97 ราย และองค์การอนามัยโลกประเมินว่า จนถึงวันอาทิตย์มีผู้บาดเจ็บ 1,126 ราย  นอกจากนี้โครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ (WFP) ระบุว่า มีเจ้าหน้าที่ 3 คน เสียชีวิตในซูดาน และเครื่องบินลำหนึ่งขององค์กรได้รับความเสียหายที่สนามบินคาร์ทูมจากการยิงต่อสู้ในวันเสาร์ พรัอมกับประกาศระงับการดำเนินงานในซูดานชั่วคราวแล้ว

สู้รบในซูดานยืดเยื้อวันที่ 3 ดับเฉียดร้อย เจ็บทะลุพัน

สู้รบในซูดานยืดเยื้อวันที่ 3 ดับเฉียดร้อย เจ็บทะลุพัน ก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์กองทัพและกองกำลัง RSF ยอมหยุดยิงชั่วคราวเพื่อให้มีการอพยพผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่เพื่อส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่แพทย์เตือนว่า สถานการณ์ในโรงพยาบาลในกรุงคาร์ทูมเลวร้ายอย่างที่สุด และการสู้รบทำให้ทั้งเจ้าหน้าที่และเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ไม่สามารถเข้าถึงผู้บาดเจ็บได้

การต่อสู้ที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามแย่งชิงอำนาจระหว่างกองทัพที่ภักดีต่อนายพลอับเดล ฟัตตาห์ อัล-เบอร์ฮาน ผู้นำประเทศ และ RSF นำโดยนายพลโมฮัมเหม็ด ฮัมดาน ดากาโล รองผู้นำ โดยสองฝ่ายมีความเห็นขัดแย้งกันเกี่ยวกับแนวทางการเปลี่ยนผ่านอำนาจภายหลังการรัฐประหารสู่การปกครองโดยฝ่ายพลเรือน หลังจากประเทศอยู่ภายใต้การบริหารของคณะนายทหาร ที่โค่นล้มผู้นำเผด็จการ โอมาร์ อัล-บาชีร์ ในปี 2562

RSF อ้างว่า สามารถยึดพื้นที่สำคัญในกรุงคาร์ทูม เช่น ทำเนียบประธานาธิบดีและสนามบิน แต่กองทัพปฏิเสธคำอ้างของ RSF และยืนยันว่า ยังควบคุมพื้นที่ไว้ได้

ขณะที่นานาชาติประสานเสียงให้มีการยุติความรุนแรงอย่างถาวร โดยชาติอาหรับและสหรัฐฯ เรียกร้องให้รื้อฟื้นการเจรจาเพื่อคืนอำนาจปกครองให้กับรัฐบาลพลเรือน และสหภาพแอฟริกาจะส่งนักการทูตไปเจรจาข้อตกลงหยุดยิง นอกจากนี้อียิปต์และซูดานใต้เสนอตัวทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยระหว่างกองกำลังทั้งสองฝ่าย