ปูตินดึงความสนใจจากชาวโลกด้วยการส่งอาวุธนิวเคลียร์ไปเบลารุส

นักวิเคราะห์มองว่า ทุกครั้งที่ผู้นำรัสเซียใช้คำว่า นิวเคลียร์ ชาวโลกก็พากันแห่มาสนใจทุกที ทั้งที่อาวุธที่ปูตินมีแผนจะส่งไปยังเบลารุสนั้น ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธศาสตร์ อย่างขีปนาวุธข้ามทวีปลูกโตๆ ซึ่งเมื่อยิงออกไปแล้ว อาจทำลายล้างมวลมนุษยชาติบนโลกได้เลย

แต่อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีที่ปูตินจะติดตั้งในเบลารุส เป็นอาวุธนิวเคลียร์ที่มีขนาดเล็กกว่า แต่ทรงอานุภาพ ใช้ในสนามรบหรือการโจมตีแบบจำกัดวง เพื่อทำลายเป้าหมายในพื้นที่เฉพาะเจาะจง  ไม่ทำให้เกิดการแพร่กระจายของกัมมันตรังสีในวงกว้าง 

ที่ปูตินตัดสินใจเช่นนี้ เพื่อตอบโต้ที่อังกฤษจัดส่งกระสุนต่อต้านรถถังให้ยูเครนแม้จะเป็นแบบมียูเรเนียมด้อย สมรรถนะ ที่มีค่ากัมมันตรังสีต่ำกว่ายูเรเนียมในธรรมชาติก็ตาม ซึ่งอังกฤษก็ชี้แจงว่า กระสุนที่ส่งไปใช้ในวัตถุประสงค์ธรรมดาๆ เท่านั้น 

ปูตินบอกว่า รัสเซียกำลังสร้างโรงเก็บอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีซึ่งจะพร้อมใช้ก่อนเดือนกรกฎาคมนี้  แต่ไม่ระบุชัดเจนว่า อาวุธนี้จะมาถึงเบลารุสเมื่อไหร่ และจะไม่ส่งตัวควบคุมอาวุธนี้ให้ประธานาธิบดีของเบลารุส ซึ่งร้องขออยากได้อาวุธแบบนี้มานาน

เขายังระบุว่า รัสเซียมีเครื่องบิน 10 ลำที่บรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ได้ รวมถึงระบบขีปนาวุธ Iskander พิสัยใกล้จำนวนมาก ที่ใช้กับอาวุธนิวเคลียร์ได้เช่นกัน 

นักวิเคราะห์มองว่า เรื่องนี้คือแปลก เพราะผู้นำเบลารุสเคยลงนามข้อตกลงในปี 1994 เลิกใช้อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีที่เคยมีในช่วงสิ้นสุดสงครามเย็น  แต่เป็นไปได้ว่า อาวุธที่จะส่งไปให้นั้น มีกองกำลังรัสเซียซึ่งประจำการถาวรอยู่ในผืนแผ่นดินเบลารุสคอยดูแลอยู่ นั่นแสดงให้เห็นว่า ผู้นำเบลารุสยอมให้ปูตินบงการได้มากกว่าเดิม 

ปูตินเคยขู่ถึงความเป็นไปได้ที่อาจระเบิดสงครามนิวเคลียร์เมื่อปีที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนที่ปฏิบัติการทางทหารของเขาในยูเครนกำลังเผชิญความไม่แน่นอน

ส่วนสถานการณ์ในยูเครนตอนนี้ นักวิเคราะห์มองว่า ปูตินกำลังเผชิญหลายปัญหา กองกำลังรัสเซียทิ้งระเบิดโจมตีหลายเมืองในยูเครนจากทางอากาศ แต่ในภาคพื้นดิน รัสเซียกลับยังไม่สามารถรุกคืบได้มากนัก 

นอกเหนือจากนี้ ปูตินยังไม่ได้อะไรเป็นเนื้อเป็นหนังมากมายนักจากการพบปะกับประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีน เมื่อไม่นานมานี้  ได้แต่ข้อตกลงการค้าชุดใหม่หลายฉบับ และดูเหมือนว่า รัสเซียจะกลายเป็นหุ้นส่วนกับจีนในแบบที่ไม่จริงจังอะไรมาก  ขณะเดียวกัน ศาลอาญาระหว่างประเทศยังออกหมายจับเขาอีกด้วย

ด้านรัฐบาลสหรัฐก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรกับคำขู่ของปูติน และสหรัฐจะไม่ทำในแบบเดียวกันนี้ อีกทั้งไม่คิดว่า รัสเซียกำลังเตรียมทำสงครามนิวเคลียร์ สหรัฐแค่ยังคงยึดมั่นในพันธกิจปกป้องชาติพันธมิตรนาโต้  

ซึ่งการที่รัสเซียจะส่งอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีไปให้เบลารุสนั้น ไม่เพียงแต่เป็นการรุกคืบเข้าใกล้ยูเครนมากขึ้น แต่ยังเป็นภัยต่อความมั่นคงของโปแลนด์ ลิธัวเนีย และลัตเวีย ซึ่งล้วนแต่เป็นพันธมิตรนาโต้ทั้งสิ้น ส่งผลให้ยุโรต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งปูตินก็ตั้งใจให้เกิดแบบนี้