กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศส เปิดเผยว่า มีผู้ประท้วงเดินขบวนมากกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ โดยในกรุงปารีสมีผู้ชุมนุม 119,000 คน และตำรวจ รายงานว่า มีประชาชนราว 1,000 คน ก่อเหตุรุนแรง จุดไฟเผาขยะ ขว้างระเบิดควัน และทำลายทรัพย์สินในหลายเมือง ระหว่างการเดินขบวนและผละงานประท้วงทั่วประเทศเมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นการสไตรก์ทั่วประเทศครั้งที่ 9 เพื่อต่อต้านร่างกฎหมายปฏิรูประบบบำนาญ ที่ขยายอายุเกษียณจาก 62 ปีเป็น 64 ปี ที่รัฐบาลเสนอเข้าสู่รัฐสภาเมื่อเดือนม.ค.
การปะทะรุนแรงระหว่างผู้ประท้วงและตำรวจเกิดขึ้นทั้งในกรุงปารีส และอีกหลายเมือง เช่น นองต์, แรนส์ และลอริยองต์ ทำให้ตำรวงต้องยิงแก๊สน้ำตาและใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าสลาย และในเมืองบอร์กโดซ์ ผู้ประท้วงจุดไฟเผาทางเข้าศาลาว่าการเมือง ขณะที่มีรายงานตำรวจได้รับบาดเจ็บเกือบ 150 นาย และผู้ประท้วงถูกจับกุมกว่า 170 คน
นอกจากนี้การผละงานประท้วงทำให้ระบบคมนาคมหยุดชะงัก รถไฟหยุดวิ่ง และสนามบินต้องยกเลิกเที่ยวบิน โรงกลั่นน้ำมัน และโรงเรียนต้องปิด
สหภาพแรงงานขนาดใหญ่ 8 แห่งยังนัดหยุดงานและเดินขบวนประท้วงครั้งใหม่ในวันอังคาร 28 มี.ค.ในระหว่างที่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรเสด็จเยือนฝรั่งเศสเป็นจุดหมายแรกของการเสด็จเยือนต่างประเทศครั้งแรกในฐานะกษัตริย์ระหว่างวันที่ 26-29 มี.ค. เและมีกำหนดเสด็จเยือนเมืองบอร์กโดซ์ในวันอังคาร ขณะเดียวกันคนงานเก็บขยะในปารีส ที่หยุดงานประท้วงตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. ตกลงจะขยายการประท้วงจนถึงวันที่ 27 มี.ค.
การประท้วงส่วนใหญ่ในช่วงที่ผ่านมาสงบเรียบร้อยดี แต่หลังจากรัฐบาลใช้อำนาจพิเศษตามรัฐธรรมนูญผ่านร่างกฎหมายในสภาโดยไม่มีการลงมติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จุดชนวนกระแสโกรธแค้นแก่แรงงานและประชาชนมากยิ่งขึ้น และเมื่อวันวันพุธประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครง ยังยืนยันว่า ร่างกฎหมายปฏิรูปบำนาญจะบังคังใช้ในสิ้นปีนี้ ก็ยิ่งทำให้การประท้วงรุนแรงมากขึ้นในวันพฤหัสบดี
ขณะนี้ร่างกฎหมายยังต้องรอการพิจารณาทบทวนโดยคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ก่อนจะลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ ซึ่งคณะตุลาการมีอำนาจปฏิเสธบางมาตราภายในร่างกฎหมาย แต่โดยปกติแล้วมักให้การอนุมัติ
มาครงยืนยันว่า การปฏิรูปมีความจำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้กองทุนบำนาญล้มละลาย และยืนยันด้วยว่า จะไม่มีการยุบสภา การปรับคณะรัฐมนตรี และการลาออกของนายกรัฐมนตรี ตามที่มีเสียงเรียกร้องจากพรรคฝ่ายค้าน
เขายังเปรียบเทียบการประท้วงที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์ผู้ประท้วงบุกรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2564 ทำให้มีเสียงตอบโต้จากประชาชนว่า การประท้วงไม่ได้คุคามต่อสถาบันของประเทศแต่อย่างใด
การประท้วงครั้งนี้เป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดต่อมาครง ที่ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 หลังจากเคยเผชิญการประท้วง “เสื้อกั๊กเหลือง” ช่วงปลายปี 2561 เพื่อคัดค้านการปรับขึ้นราคาน้ำมันดิบและราคาเชื้อเพลิง