Korea Future รายงานเรื่องนี้ โดยอ้างอิงหลักฐานจากการสัมภาษณ์ผู้รอดชีวิต พยาน และผู้กระทำความผิด รวมหลายร้อยคน ที่หนีออกมาจากเกาหลีเหนือ ควบคู่ไปกับเอกสารของรัฐ ภาพถ่ายดาวเทียมสถานคุมขัง 206 แห่งทั่วทุกจังหวัดในเกาหลีเหนือ รวมถึงการวิเคราะห์ทางสถาปัตยกรรมและการจำลองโมเดลขึ้นมา
เป้าหมายของรายงานฉบับนี้ เพื่อต้องการชี้ให้เห็นถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ยังเกิดในระบบการลงโทษของเกาหลีเหนือ แม้จะผ่านมาสิบปีแล้ว หลังสหประชาชาติจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาไต่สวนเรื่องนี้ แต่ระบบในเกาหลีเหนือก็ยังละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง
Korea Future ซึ่งเป็น NGO ไม่แสวงหาผลกำไร และมีสำนักงานในลอนดอน โซล และที่กรุงเฮก ยังเผยว่า การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดในคุกของเกาหลีเหนือ มักเป็นการลงมือของเจ้าหน้าที่ที่มีตำแหน่งสูงถึงขั้นระดับนายพล
มีทั้งการบังคับทำแท้งผู้หญิงที่อายุครรภ์แก่แล้ว 7-8 เดือน บางคนก็ได้รับอาหารเป็นแค่ข้าวโพดเพียงน้อยนิด ไม่ถึง 80 กรัมต่อวัน ทำให้น้ำหนักตัวลดลงจาก 60 กิโลกรัม มาอยู่ที่ 37 กิโลกรัมภายในเดือนเดียว บีบให้นักโทษรายนี้ต้องจับแมลงสาบและหนูกินเป็นอาหาร
บ้างก็ถูกบังคับให้อยู่ในท่าทางที่ก่อให้เกิดความเครียดต่อร่างกายนาน 17 ชั่วโมงต่อวัน เป็นเวลา 1 เดือน การข่มขืนและถูกทุบตีอย่างรุนแรงเป็นเรื่องธรรมดาที่พบเห็นในคุกของเกาหลีเหนือ
เนื่องจากเกาหลีเหนือเป็นประเทศที่โดดเดี่ยวตัวเองจากประชาคมโลก อีกทั้งการเข้าออกยังเข้มงวดขึ้น นับจากปิดพรมแดนในปี 2020 เพื่อป้องกันโควิด ทางสถานีโทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น ของสหรัฐ จึงไม่สามารถตรวจสอบรายงานฉบับนี้ได้ว่า จริงหรือไม่ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับรายงานขององค์การสหประชาชาติ ก็พบว่า มีเนื้อหาที่คล้ายคลึงกัน