
บริษัทด้านเทคโนโลยีป้องกันประเทศ "BrahMos Aerospace" ของอินเดีย เปิดเผยว่าใกล้จะปิดดีลของปีนี้ด้วยการขาย "supersonic cruise missiles" มูลค่าอย่างน้อย 200 ล้านดอลลาร์ (6,800 ล้านบาท) ตามความคาดหวังที่จะขยายตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การซื้ออาวุธของอินโดนีเซียถูกโยงว่าอาจจะทำให้ทะเลจีนใต้ระอุครั้งใหม่ โดยแม้ว่าอินโดนีเซียจะไม่ได้มีส่วนในข้อพิพาทอ้างกรรมสิทธิ์ใด ๆ เหมือนเวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย บรูไน หรือแม้กระทั่งไต้หวัน แต่ SKK Migas สำนักงานตรวจสอบด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของอินโดนีเซีย เพิ่งอนุมัติในบริษัทสาขาของ Harbor Energy ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สกอตแลนด์ เข้าไปพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งนาทูนาในทะเลจีนใต้ ที่อยู่ระหว่างอินโดนีเซียกับเวียดนาม โดยลงทุนไปมหาศาลถึง 3,070 ล้านดอลลาร์ (105,000 ล้านบาท) และมีกำหนดส่งก๊าซไปยังเวียดนามได้ในปี 2569
นอกจากเรื่องการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติแล้ว อินโดนีเซียยังมีเรื่องตึงเครียดกับจีนที่เข้าไปอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนในทะเลจีนใต้ ด้วยการเปลี่ยนชื่อพื้นที่ตอนล่างของทะเลจีนใต้ที่อยู่เหนือหมู่เกาะนาทูนา ให้เป็น "ทะเลเหนือนาทูนา" เมื่อปี 2560 จากที่เคยถูกเรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของทะเลจีนใต้ เพื่อความสะดวกของ "กิจกรรมเกี่ยวกับพลังงาน" รวมทั้งการสำรวจเพื่อขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และยังแจ้งอย่างเป็นทางการไปที่สหประชาชาติกับองค์การอุทกศาสตร์สากล (IHO) ด้วย
ในส่วนของ BrahMos เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างอินเดียกับรัสเซียที่กำลังมาแรง จากการที่สามารถบรรลุข้อตกลงต่างประเทศครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ด้วยการขายขีปนาวุธต่อต้านเรือตามชายฝั่งมูลค่า 375 ล้านดอลลาร์ ให้แก่ฟิลิปปินส์ อันเป็นส่วนหนึ่งของการพยายามทำให้ได้ตามเป้าที่ นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี คาดหวังว่าจะส่งออกด้านการป้องกันประเทศให้ได้ 3 เท่า
การเจรจากับอินโดนีเซียมีความยืดเยื้อพอสมควร และไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด แต่ นายอทัล ดี. เรน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ BrahMos Aerospace บอกว่า มีความก้าวหน้าในการหารือกับอินโดนีเซีย เกี่ยวกับดีลมูลค่า 200-350 ดอลลาร์ ที่ครอบคลุมการจัดหาขีปนาวุธที่ติดตั้งตามชายฝั่งและรุ่นที่สามารถติดตั้งบนเรือรบได้ พร้อมกับยืนยันว่ากองทัพอินโดนีเซียให้ความสนใจอย่างสูงสุด
ส่วนดีลกับฟิลิปปินส์ BrahMos กำลังอยู่ระหว่างปฏิบัติตามดีล ด้วยการเตรียมส่งมอบขีปนาวุธให้แก่หน่วนนาวิกโยธินตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในคู่พิพาทในทะเลจีนใต้ของจีน จากการที่จีนเข้าไปอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนแห่งนี้ ที่มีพื้นที่ 3.5 ล้านตารางกิโลเมตร และตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างประเทศต่าง ๆ รวมทั้งดินแดนในภูมิภาคอาเซียน นำไปสู่การอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อน
"ทะเลจีนใต้" ยังมีความสำคัญทั้งในแง่เศรษฐกิจและความมั่นคง เป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญของโลกโดยเฉพาะสำหรับจีน เพราะน้ำมัน 80% ที่ใช้ในประเทศและขนส่งจากตะวันออกกลาง ต้องผ่านเส้นทางในทะเลจีนใต้ ถ้าเส้นทางผ่านนี้ถูกปิดหรือถูกครอบครอง ย่อมหมายความว่าซัพพลายพลังงานของชาติที่เกี่ยวข้องจะมีปัญหาทันที
Brahmos ก่อตั้งภายใต้ข้อตกลงระหว่างรัฐบาลภายใต้ข้อตกลงเมื่อปี 2541 เป็นการร่วมทุนระหว่างองค์การวิจัยและพัฒนาด้านการป้องกันประเทศ (Defence Research and Development Organisation) ของรัฐบาลอินเดีย กับ NPO มาชินอสโตรเยเนีย (NPO Mashinostroyenia) ของรัฐบาลรัสเซีย ซึ่งผู้บริหารของ BrahMos ยืนยันว่า มาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกต่อรัสเซียกรณีรุกรานยูเครน ไม่มีผลต่อการผลิตหรือการวางแผนใด ๆ เกี่ยวกับอาวุธรุ่นนี้ เพราะแม้จะอาศัยส่วนประกอบและวัตถุดิบจากรัสเซีย แต่อินเดียมีส่วนในการผลิตเกิน 70%