ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เคยพูดเมื่อเดือนธันวาคมว่า เขาได้เชิญประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีน มาเยือนรัสเซียในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งก็น่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วสุดคือสัปดาห์หน้า แต่เมื่อสอบถามไปยังทางการจีน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน กลับบอกว่า ยังไม่มีข้อมูลอะไรที่ให้ได้ ณ ตอนนี้ แต่จีนกับรัสเซียยังคงการสื่อสารกันอย่างใกล้ชิดในทุกระดับ
หนังสือพิมพ์ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ของสหรัฐ รายงานว่า หลังจบการเยือนรัสเซียแล้ว ผู้นำจีนอาจจะได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี้ แห่งยูเครนอีกด้วย ซึ่งก็จะนับเป็นการพูดคุยกันครั้งแรกนับจากสงครามเปิดฉาก
ก่อนหน้านี้ จีนยังเป็นกาวใจ ในข้อตกลงให้คงสัมพันธ์ทางการทูตต่อกันระหว่างคู่อริยาวนาน คือ ซาอุดิอาระเบีย และอิหร่าน หลังจากทั้งสองฝ่ายได้พบปะหารืออย่างลับๆ หลายครั้งที่กรุงปักกิ่ง เรื่องที่เกิดขึ้น สร้างความประหลาดใจให้แก่รัฐบาลสหรัฐ จนประธานาธิบดี โจ ไบเด้น บอกว่า อาจจะต้องคุยกับผู้นำจีนในไม่ช้า
การรับบทเป็นผู้สร้างสันติภาพทั้งหมดนี้ ทำให้สีจิ้นผิงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งเขาก็เพิ่งได้ขึ้นครองอำนาจต่อเป็นวาระที่สาม สีพยายามรับมือกับทุกกระบวนท่าของสหรัฐที่หวังจะควบคุมจีน ด้วยการเสนอทางเลือกต่างๆ ให้กับระบบโลกที่กระทบกับผลประโยชน์ของจีน แต่ผู้นำจีน บอกว่า จริงๆ แล้ว ประเทศต่างๆ ไม่จำเป็นต้องเลือกข้าง ในการต่อสู้กันระหว่างประชาธิปไตยและเผด็จการ
นักวิเคราะห์มองว่า จีนจำเป็นที่จะต้องสร้างสรรค์สิ่งใหม่ บทบาทใหม่ๆ ของจีนในสายตาชาวโลก และความหวังที่จะกำหนดนิยามใหม่ของระบบโลกอีกด้วย จีนพยายามที่จะลงมาเล่นกับโลกอย่างเต็มตัว และพิสูจน์ให้เห็นว่า จีนนำสิ่งดีดีมาสู่ชาวโลกเช่นกัน
แม้สหรัฐและรัฐบาลฝั่งตะวันตก จะมองว่า จีนเข้าข้างรัสเซีย และคุกคามไต้หวันอย่างต่อเนื่อง แต่จีนก็แย้งว่า ทำไปในด้านสันติเท่านั้น แต่เป็นสหรัฐและพันธมิตรที่หวังจะทำลายความมั่นคงของยุโรปและภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
และแม้จีนจะเป็นกาวใจให้ซาอุดิอาระเบียกับอิหร่านหันหน้าเข้าหากันได้สำเร็จ แต่พอมาถึงประเด็นรัสเซียกับยูเครนแล้ว นักวิเคราะห์มองว่า ยังไม่เห็นทีท่าว่าจีนจะเป็นกาวใจได้ ส่วนการเยือนรัสเซียของผู้นำจีน ก็ไม่น่าจะก่อให้เกิดผลอะไรมาก เพียงแค่เน้นไปที่การสนับสนุนประเทศอื่นๆ ที่รู้สึกว่า ได้หลุดออกมาจากระบบโลกที่สหรัฐเป็นฝ่ายครอบงำ